บทความนี้ได้รวบรวม 37 กลยุทธ์ ตัวอย่าง Loyalty Program เพื่อช่วยให้คุณสร้างโปรแกรมระบบสมาชิกที่ประสบความสำเร็จได้
การกำหนดแนวคิดของโปรแกรม Loyalty ถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เพราะการวางแผนในช่วงแรกจะส่งผลต่อรูปแบบของการสร้างแคมเปญ แต่สิ่งที่ไม่ควรลืมก็คือแนวทางที่เลือกจะมีผลต่อกระบวนการทำงานที่จะตามมาด้วย บทความนี้ได้รวบรวม 37 กลยุทธ์ตัวอย่าง Loyalty Program เพื่อช่วยให้คุณสร้างโปรแกรมระบบสมาชิกที่ประสบความสำเร็จได้
เพราะถ้าแบรนด์มีพื้นฐานที่แข็งแรงและวางแผนล่วงหน้าอย่างดี จะทำให้มีโอกาสน้อยลงที่คุณจะต้องเปลี่ยนโครงสร้างโปรแกรม Loyalty และ Logic ที่สำคัญคือช่วงเวลาการทำ Integration จะสั้นลงมากด้วย
เพื่อเริ่มต้นอย่างมั่นใจ นี่คือ ตัวอย่าง loyalty program Checklist โปรแกรม Loyalty ที่ครอบคลุมขั้นตอนสำคัญทั้งหมดในการวางแนวคิด Loyalty Program
ขั้นตอนที่ 1: กำหนดโครงสร้างของโปรแกรม Loyalty ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การตลาดของคุณ
เมื่อพูดถึงแนวคิดของ Loyalty Program หลายครั้งลูกค้ามักจะข้ามไปพูดถึงรางวัลที่อยากมอบหรือฟีเจอร์ Gamification ที่อยากใส่ แต่ถึงแม้ว่าหัวข้อเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ก็ยังมีองค์ประกอบสำคัญอีกหลายอย่างที่ต้องกำหนดก่อนในแผนการใช้งาน Loyalty Program ของคุณ
การวางโครงสร้างที่แข็งแรงจะช่วยให้คุณสร้างโปรแกรมที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดี แต่ยังช่วยในการวางกลยุทธ์การตลาดของแบรนด์ด้วย
Segment
1. ลูกค้ากลุ่มไหนที่คุณอยากเจาะกลุ่ม?
สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออายุ เพศ และสัญชาติ คุณสามารถเพิ่มกลุ่มอื่นๆ ได้ตามกำลังซื้อ ไลฟ์สไตล์ ความชอบสินค้าของลูกค้าด้วย
2. นิสัยการใช้จ่ายของสมาชิกของคุณเป็นยังไง?
- ถ้าต้องการเพิ่มการซื้อซ้ำ การเสนอระบบรางวัลแบบแบ่งระดับ (Tiered Rewards System) ก็ช่วยกระตุ้นได้
- ถ้าอยากได้โปรแกรมที่เข้าใจง่ายและช่วยเพิ่มค่าเฉลี่ยการซื้อ (AOV) ลองใช้แคมเปญ Earn and burn
- สำหรับอุตสาหกรรมที่ลูกค้ามีความถี่ในการซื้อต่ำ หรือเป็นสินค้าลักชัวรี คุณควรใจกว้างและชัดเจนในเรื่องระบบรางวัล
3. คุณต้องการรวมช่องทางไหนบ้างในบนระบบ Loyalty Program?
- อย่าลืมระบุรายละเอียดว่าช่องทางใดบ้างที่สมาชิกสามารถเข้าร่วม Loyalty Program ของคุณได้ และต้องการจะรวมช่องทางเหล่านั้นเพื่อสร้างโปรแกรม Loyalty แบบ Omnichannel หรือไม่
- หากคุณวางแผนเปิดตัวโปรแกรมเป็นหลาย Stages ให้ระบุทั้งช่องทางที่เริ่มต้นและช่องทางที่คุณจะเพิ่มใน Stages ถัดไปด้วย
4. ถ้าคุณเน้นสร้างแคมเปญบนโทรศัพทฺมือถือ คุณต้องการ App Loyalty Program สำหรับแบรนด์โดยเฉพาะหรือไม่?
App Loyalty Program หรือ Web App ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงและจัดการรางวัล Loyalty และแต้มได้ทุกที่ โดยไม่ต้องเข้าสู่ระบบเว็บไซต์หรือพกบัตร Loyalty ความสะดวกของ และสำหรับ Web App สามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมและกระตุ้นให้ลูกค้าเข้าร่วมโปรแกรมของคุณได้สะดวกมากขึ้น ผ่านบน Browser โดยไม่ต้อง Download แอปพลิเคชัน
Geographies
5. ประเทศไหนที่คุณต้องการเปิดตัวโปรแกรมเป็นที่แรก?
กำหนดรายชื่อประเทศที่คุณจะเปิดตัว Loyalty Program ในช่วงแรก และกำหนดภูมิภาค จังหวัด ที่จะเปิดตัวในขั้นตอนถัดไป
6. Loyalty Program ของคุณควรใช้ภาษาอะไรบ้าง?
ระบุภาษาที่ Loyalty Program จะรองรับ เริ่มจากภาษาของกลุ่มเป้าหมายหลักของคุณก่อน และค่อยๆ ขยายภาษาอื่นๆ
7. Loyalty Program ของคุณจะยึดตามสกุลเงินโลกใดบ้าง?
ตัดสินใจว่าสกุลเงินใดบ้างที่ควรรวมอยู่ใน Loyalty Program เพราะจะส่งผลต่อองค์ประกอบสำคัญอย่างเช่นมูลค่าแต้มและการแปลงสกุลเงิน
KPI
8. Loyalty Program ของคุณควรมีส่วนช่วยในด้านใดบ้างของธุรกิจ?
- การรักษาลูกค้า: การหาลูกค้าใหม่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรักษาลูกค้าเก่า หากเสนอรางวัลและแรงจูงใจที่เหมาะสม ลูกค้าจะมีส่วนร่วมและกลับมาซื้อซ้ำในระยะยาว
- ความถี่ในการซื้อ: Loyalty Program ที่ออกแบบดีจะเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าและกระตุ้นให้ลูกค้ามีส่วนรวมกับแบรนด์บ่อยขึ้น
- ค่าเฉลี่ยการสั่งซื้อ (AOV): Loyalty Program สามารถกระตุ้นการเติบโตของยอดขาย โดยทำให้ลูกค้าซื้อเพิ่มหรือใช้จ่ายมากขึ้นในแต่ละครั้ง
- ROI ที่เพิ่มขึ้น: Loyalty Program มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งทำให้มันกลายเป็นส่วนสำคัญในกลยุทธ์ทางการตลาด
- อัตราการแลกแต้ม: แสดงให้เห็นว่ามีลูกค้ากี่คนที่ใช้แต้มหรือรางวัลเพื่อการซื้อหรือ Action อื่นๆ หากอัตราการแลกต่ำ อาจเป็นสัญญาณว่าลูกค้าอาจเลิกใช้ Loyalty Program
9. KPIs การสื่อสารที่คุณต้องการปรับปรุงมีอะไรบ้าง?
- อัตราการเปิดอีเมล: ส่งอีเมลแบบ Personalized ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับรางวัลและโปรโมชันที่ลูกค้าสนใจ
- อัตราคลิกผ่าน (CTR): เพิ่มคำกระตุ้นให้คลิก (CTA) ที่ชัดเจนในอีเมล การแจ้งเตือนผ่านมือถือ หรือข้อความในแอป
- Conversion: เสนอรางวัลเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าทำการซื้อหรือกระทำตามที่ต้องการ เช่น ให้แต้มสำหรับการแนะนำเพื่อนหรือกรอกแบบสอบถาม
- การมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย: กระตุ้นให้ลูกค้าแชร์รางวัลหรือประสบการณ์บนโซเชียลเพื่อเพิ่ม Awareness ของแบรนด์และดึงดูดลูกค้าใหม่เข้าสู่ Loyalty Program
10. มี KPIs แบบ Vanity ที่คุณต้องการปรับปรุงด้วยหรือไม่?
- อัตราการใช้งาน: มีจำนวนสมาชิกเยอะแต่ไม่ใช้งานหรือไม่ซื้อซ้ำอาจไม่ช่วยธุรกิจมากนัก ควรโฟกัสที่สมาชิกที่มีความเคลื่อนไหวในโปรแกรม
- จำนวนผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย: สิ่งที่สำคัญกว่าคือการมีส่วนร่วม เช่น Like, Share และ Comment ซึ่งแสดงถึงการมีส่วนร่วมกับแบรนด์
- Website’s Traffic: Measurement ต่างๆ เช่น CTR, Conversion และ Revenue จาก Traffic บนเว็บไซต์มีความสำคัญมากกว่า
ขั้นตอนที่ 2: วางแผน Customer Journey ของสมาชิก
Loyalty Program นั้นมี Customer Journey หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การสร้างแคมเปญเพื่อชักชวนให้ร่วมกิจกรรมบน Social Media ไปจนถึงการสมัครสมาชิกกับพนักงานหน้าร้านโดยตรง แต่ Customer Journey ที่สำคัญสุดที่แบรนด์ควรทำความเข้าใจตั้งแต่ต้นคือกระบวนการสมัครเข้าโปรแกรมและการยกเลิก เพราะความประทับใจแรกสำคัญมาก และหากปล่อยให้สมาชิกยกเลิกไปแบบไม่ประทับใจ ก็รับประกันได้เลยว่าพวกเขาจะไม่บอกต่อแบรนด์ของคุณให้เพื่อนแน่นอน
การสมัครเข้าโปรแกรมระบบสมาชิกสะสมแต้ม
11. ขั้นตอนที่ลูกค้าต้องทำเพื่อสมัครระบบสมาชิกสะสมแต้มมีอะไรบ้าง?
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกค้าสามารถหา “ปุ่มสมัครโปรแกรมระบบสะสมแต้ม” ได้ง่าย
- เลือกระหว่างโครงสร้างสมัครแบบขั้นตอนเดียวหรือหลายขั้นตอน
- เลือกฟอร์มสมัคร
- เพิ่มช่องทางให้สมาชิกใช้บัญชีโซเชียลมีเดียสมัครได้
- อย่าลืมระบุวิธีสำหรับลูกค้าที่มีบัญชีแบรนด์อยู่แล้วจะเข้าร่วมระบบสมาชิกสะสมแต้มได้เลย
12. ลูกค้าต้องให้ข้อมูลอะไรบ้าง?
- ข้อมูลที่จำเป็นต้องมี ได้แก่ ชื่อ อีเมล เพศ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์
- ข้อมูลที่ควรเลือกให้เป็นตัวเลือก เช่น ที่อยู่
- คุณยังสามารถถามคำถามเกี่ยวกับบริการหรือสินค้าได้ เช่น ลูกค้าชอบซื้อสินค้าผ่านช่องทางไหน
- แนะนำให้ขอแค่ข้อมูลที่จำเป็นในตอนสมัคร และเก็บข้อมูลเพิ่มเติมด้วยการเสนอรางวัลสำหรับการกรอกโปรไฟล์หรือทำแบบสอบถามในภายหลัง
13. ลูกค้าจะสามารถสมัคร Loyalty Program ได้ผ่านช่องทางไหนบ้าง?
- การสมัครในร้านต้องเป็นขั้นตอนที่ง่ายมาก เพราะลูกค้ามีเวลาจำกัดและความอดทนต่ำ
- หาวิธีสมัครที่รวดเร็ว เช่น การใช้ Kiosk หรือโปสเตอร์ที่มี QR code ให้ลูกค้าสแกน
- พนักงานควรได้รับการเทรนเพื่อตอบคำถามที่ลูกค้าอาจมีเกี่ยวกับ Loyalty Program ของคุณ
- การยกเลิกโปรแกรม (Opt-out)
14. ขั้นตอนที่สมาชิกต้องทำเพื่อยกเลิก Loyalty Program มีอะไรบ้าง?
- เลือกวิธียกเลิกที่เหมาะสม: ยกเลิกด้วยตนเองในเมนูบัญชี Loyalty Program หรือยื่นคำขอยกเลิกผ่านฝ่ายบริการลูกค้า
- ควรถามยืนยันเสมอเพื่อหลีกเลี่ยงการยกเลิกโดยไม่ตั้งใจ
- ใส่ช่องข้อความหรือฟอร์มเลือกหลายข้อเพื่อให้สมาชิกบอกเหตุผลในการออกจาก Loyalty Program
ขั้นตอนที่ 3: รองรับการ Engage กับลูกค้าในทุกช่องทาง
นี่คือหัวใจของการออกแบบ Loyalty Program ซึ่งคุณจะต้องตัดสินใจเกี่ยวกับฟีเจอร์ที่สำคัญที่สุด รูปแบบ Loyalty Program สามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ แม้ว่าคุณจะมีไอเดียที่ดีอยู่แล้ว แต่ควรเปิดรับฟังความเห็นจากลูกค้าและปรับเปลี่ยนเมื่อจำเป็น
โครงสร้าง Loyalty Program
15. คุณต้องการโครงสร้าง Loyalty Program แบบไหน?
- การจัดการคะแนนและแบ่งระดับ (Points and Tiers)
- โปรแกรมแบบ Perks เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีความถี่ในการซื้อไม่มาก
- โปรแกรมแบบ Gamified เน้นที่ความสนุกและความท้าทาย เหมาะกับการสร้างนิสัยการซื้อใหม่ๆ ของลูกค้า
- โปรแกรมแบบ Lifestyle, Influencer หรือ Community เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการสร้างการสนับสนุนแบรนด์และการสร้างชุมนของแบรนด์
- โปรแกรมแบบจ่ายเงิน (Paid Program) เมื่อคุณมีรางวัลสิ่งดึงดูดพอที่จะทำให้สมาชิกรู้สึกคุ้มค่า
16. คุณจะตั้งชื่อ Loyalty Program ของคุณว่าอะไร?
- ชื่อของ Loyalty Program เป็นมากกว่าชื่อ แต่เสมือนเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์
- เมื่อเลือกชื่อ ควรคิดสร้างสรรค์มากกว่าการเพิ่มคำว่า “Rewards” หรือ “Loyalty Program” ต่อท้ายชื่อแบรนด์
17. คุณจะตั้งชื่อระดับ Tier, หน่วยคะแนน หรือ VIP Club ว่าอะไร?
- ชื่อระดับ Tier และองค์ประกอบอื่นๆ ของโปรแกรมควรสอดคล้องกับชื่อโปรแกรมและธีมโดยรวม
- หลีกเลี่ยงการตั้งชื่อแบบทั่วไป เช่น Bronze, Silver, Gold
- หน่วยคะแนนควรมีชื่อที่ให้ความรู้สึกถึงคุณค่า เช่น ดาว, อัญมณี, เหรียญ หรือสิ่งที่เข้ากับภาพลักษณ์ของแบรนด์
18. Logic การคำนวณคะแนน
- กำหนดค่าเริ่มต้น เช่น $1 เท่ากับ 1 คะแนน
- ควรพิจารณา “ราคาคะแนน” ซึ่งก็คือจำนวนคะแนนที่ลูกค้าต้องการเพื่อแลกของรางวัล
- การแจกคะแนน 100 คะแนนต่อ $1 สร้างความเฟ้อของคะแนน ในขณะที่การแจกคะแนนน้อยลงจะช่วยให้เข้าใจง่ายและควบคุมการจัดการคะแนนได้ดีขึ้น
19. ถ้ามีระดับ (Tiers) คุณต้องการกี่ระดับ?
- การมี 3 ระดับถือว่าเป็นมาตรฐาน เพราะแยกกลุ่มลูกค้าตามการใช้จ่ายต่ำ กลาง และสูง
- ระดับสูงสุดที่แนะนำคือ 5 ระดับ เพราะมากเกินไปอาจทำให้ซับซ้อนในการแจกจ่ายรางวัลและสิทธิประโยชน์
- ควรเพิ่มระดับเฉพาะสำหรับ Influencers หรือสร้างระดับ VIP สำหรับผู้ใช้จ่ายสูงเท่านั้น
20. ถ้ามีระดับ (Tiers) ข้อกำหนดในการเลื่อนระดับคืออะไร?
- มีสองตัวเลือก: คะแนนหรือยอดใช้จ่าย
- การตั้งเกณฑ์ตามยอดใช้จ่ายเป็นเรื่องง่าย: ลูกค้าต้องใช้จ่ายจำนวนเงิน เช่น $500 เพื่อขึ้นสู่ระดับ Silver
- หากใช้คะแนน ลูกค้าต้องได้ 1,000 คะแนนเพื่อถึงระดับ Silver ในกรณีนี้ คุณอาจให้สมาชิกสะสมคะแนนเพิ่มเติมจากการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ เช่น การเขียนรีวิวสินค้าหรือแนะนำเพื่อน
21. คุณจะให้รางวัลจากธุรกรรมใดบ้าง?
- คุณสามารถกระตุ้นการซื้อทาง eCommerce ด้วยการล่าขุมทรัพย์ออนไลน์ คูปองดิจิทัล และเกม
- จากการซื้อกับแบรนด์ หรือจะการร่วมกิจกรรม/แคมเปญ กับแบรนด์
การมีส่วนร่วม
ในส่วนนี้ คุณจะกำหนดวิธีต่างๆ ที่ลูกค้าสามารถมีส่วนร่วมกับ Loyalty Program ของคุณ ซึ่งนอกเหนือจากการทำธุรกรรมการซื้อ (Transactional Action) แบบง่ายๆ สิ่งนี้ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับสมาชิก การออกแบบประสบการณ์ที่ไม่เพียงแค่รางวัลจากการซื้อ (Transactional Action) แต่ยังส่งเสริมพฤติกรรมที่ไม่ใช่การทำธุรกรรมการซื้อ (Non-transactional action) และสร้างความรู้สึกเป็นชุมชนก็สำคัญเช่นกัน
22. คุณต้องการสร้างแคมเปญพิเศษช่วงวันหยุดหรือโปรโมชั่นที่จำกัดเวลาไหม?
- สร้างแคมเปญตามฤดูกาลหรือกิจกรรมที่จำกัดเวลาเพื่อเสริม Loyalty Program ของคุณ เช่น การให้คะแนนสองเท่า รางวัลพิเศษ หรือสินค้าที่เป็นรุ่นจำกัด เช่น การให้คะแนนสองเท่าในวันวาเลนไทน์ หรือเข้าถึงคอลเล็กชันพิเศษก่อนใครในช่วงก่อนคริสต์มาส
- วางแผนแคมเปญล่วงหน้าและปรับให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมและความตื่นเต้น
23. คุณจะให้รางวัลกับฤติกรรมที่ไม่ใช่การทำธุรกรรมการซื้อ (Non-transactional action) อะไรบ้าง?
- การแนะนำเพื่อน: กระตุ้นให้สมาชิกเชิญเพื่อนมาเข้าร่วมโดยเสนอคะแนนหรือสิทธิพิเศษสำหรับการแนะนำเพื่อนที่สำเร็จ ซึ่งเป็นวิธีที่มีต้นทุนต่ำในการหาลูกค้าใหม่
- การกรอกโปรไฟล์: มอบรางวัลให้กับสมาชิกที่กรอกข้อมูลในโปรไฟล์ ช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่จำเป็นในขณะที่ทำให้สมาชิกมีส่วนร่วมมากขึ้น
- เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้าง (User-generated content): จัดการแข่งขันบนโซเชียลมีเดีย เช่น แคมเปญแฮชแท็กใน Instagram เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกแชร์ประสบการณ์และโปรโมตแบรนด์ของคุณ
- การเขียนรีวิวสินค้า: ให้รางวัลแก่ลูกค้าที่เขียนรีวิวสินค้า ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มความไว้วางใจในหมู่ลูกค้าที่คาดหวัง
24. คุณจะให้รางวัลกับ Action พิเศษอื่นๆ อะไรบ้าง?
- การออกกำลังกายและสุขภาพที่ดี: ให้รางวัลแก่ลูกค้าสำหรับการติดตามการออกกำลังกายหรือการเลือกใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ เช่น การวิ่งหรือการเดินป่า ด้วยรางวัลพิเศษหรือส่วนลดในร้าน
- Green Loyalty: รวมความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ใน Loyalty Program ของคุณโดยให้รางวัลแก่สมาชิกที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน ซึ่งช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัทและดึงดูดลูกค้าที่มีค่านิยมเหมือนกัน
25. คุณต้องการให้ Loyalty Program มีองค์ประกอบการเล่นเกม (Gamification) หรือไม่?
- Lucky Draw: เพิ่มความสนุกให้กับ Loyalty Program วิธีนี้ช่วยกระตุ้นการสมัครสมาชิกใหม่และกระตุ้นการกลับมาใช้โปรแกรม
- แบบสอบถามที่เล่นเป็นเกม: ทำให้การทำโปรไฟล์สนุกและมีส่วนร่วมมากขึ้นด้วยการสร้างแบบสอบถามที่มีภาพและข้อมูลที่น่าสนใจ
- Treasure Hunts: ให้รางวัลแก่สมาชิกที่ค้นหาสินค้าพิเศษใน Loyalty Program ของคุณ
- Badges: Badge สำหรับการทำภารกิจสำเร็จ ซึ่งสามารถปลดล็อกรางวัลเพิ่มเติมหรือส่วนลด สิ่งนี้ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง
- Top Spender: แสดงสมาชิกที่มียอดใช้จ่ายสูงที่สุดของคุณบนลีดเดอร์บอร์ด กระตุ้นการแข่งขันและผลักดันการกระทำที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น
26. คุณต้องให้สมาชิกแข่งขันกันบน Social Media หรือไม่?
- การแข่งแฮชแท็กหรือคอมเมนต์ใน Instagram: เป็นการตลาดแบบปากต่อปาก เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นนั้นมักถูกมองว่าเป็นรีวิวที่จริงใจและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้ามากขึ้น
ขั้นตอนที่ 4: รางวัลคือสิ่งที่มีค่าใน Loyalty Program
รางวัลคือสิ่งที่สมาชิกได้รับจากการบรรลุเป้าหมายหรือความพยายามในการมีส่วนร่วมใน Loyalty Program ความสำคัญของการเลือกประเภทของรางวัลที่เหมาะสมกับแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก สำหรับ Loyalty Program ทุกอย่างเริ่มต้นจากการเลือกสิ่งที่ให้รางวัล เช่น ของขวัญ คูปอง หรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ทำให้รางวัลเหล่านั้นโดดเด่นและน่าสนใจ
27. คุณต้องการมอบรางวัลประเภทไหนบ้าง?
- รางวัลที่มีผลต่อการซื้อ: ลูกค้าคาดหวังผลประโยชน์ทางการเงินบางประเภท เช่น คูปองหรือส่วนลด แต่เพียงแค่การให้ผลประโยชน์ทางการเงินอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ลูกค้าที่มี Loyalty ต่อแบรนด์ของคุณได้ คูปองยังคงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มสมาชิกใหม่
- ประสบการณ์และกิจกรรม: กิจกรรมอาจประกอบไปด้วยบัตรคอนเสิร์ต ทานอาหารฟรี การเชิญไปงานปาร์ตี้ หรือสิทธิการเข้าพักโรงแรม สิ่งเหล่านี้เป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความทรงจำที่ดีให้กับลูกค้า
- ของขวัญ: ของขวัญมักถูกมองว่ามีมูลค่าและน่าสนใจมากกว่าคูปองง่าย ๆ
- บริการที่เกี่ยวข้อง: ตัวอย่างเช่น การจัดส่งด่วน การรับประกันเงินคืน หรือการปรับแต่งฟรี เป้าหมายคือการทำให้ประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้าสะดวกสบายมากขึ้น
28. รางวัลสามารถแลกได้แค่ครั้งเดียว หรือจะสามารถแลกได้หลายครั้ง?
- กำหนดว่าแต่ละรางวัลจะสามารถแลกได้ครั้งเดียว หรือสามารถแลกหลายครั้งได้ หรือจะมีระยะเวลาจำกัดในการแลกรางวัลนั้นๆ
29. ลูกค้าต้องทำตามเงื่อนไขอะไรบ้างเพื่อที่จะได้รับรางวัล?
- ระบุเงื่อนไขที่ลูกค้าต้องปฏิบัติตามอย่างชัดเจน เช่น ยอดสั่งซื้อขั้นต่ำ ช่วงเวลาที่กำหนด หรือการซื้อสินค้าประเภทเฉพาะ เพื่อให้สามารถแลกรางวัลได้
30. คุณจะเสนอ Permanent Benefits ใน Loyalty Program ของคุณไหม?
- ตัดสินใจว่าอยากเสนอ Permanent Benefits เช่น การจัดส่งฟรี คะแนนสองเท่าสำหรับการซื้อ หรือการรับประกันสินค้าสำหรับสมาชิกทุกคน หรือเฉพาะสมาชิกที่อยู่ในระดับ Tier ที่กำหนด
ประโยชน์ของ Loyalty Program
31. เงื่อนไขในการรับประโยชน์เหล่านี้คืออะไร?
- ในกรณีของ ตัวอย่าง Loyalty Program แบบแบ่งระดับ ให้กำหนดวิธีที่ลูกค้าจะสามารถไปถึงแต่ละระดับและระบุผลประโยชน์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับแต่ละระดับ
- วิธีที่ดีที่สุดคือต้องมีตารางที่แสดงชื่อระดับ มูลค่า และเงื่อนไขที่ชัดเจน
- กำหนดว่าลูกค้าต้องใช้จ่ายถึงจำนวนที่กำหนดหรือไม่
- ลูกค้าอาจต้องทำภารกิจ เช่น การกรอกข้อมูลโปรไฟล์ หรือการทำภารกิจในกรณีของโปรแกรมที่มีการใช้เกมเพื่อเพิ่มความสนุก
32. Benefits เหล่านี้จะเป็น Permanent Benefits หรือจำเป็นต้องต่ออายุ?
- ตัดสินใจว่า Benefits สามารถใช้ได้หลายครั้ง หรือแค่ครั้งเดียว หรือจะมีอายุจำกัด
33. คุณต้องการเสนอคลับ VIP สำหรับสมาชิกไหม?
- พิจารณาการเสนอกลุ่ม VIP ที่มุ่งเน้นไปที่สินค้าหรือบริการที่ได้รับความนิยม สมาชิก Loyalty Program อาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียม (ในรูปแบบของคะแนน) เพื่อเข้าร่วม แต่พวกเขาจะได้รับสิทธิประโยชน์สุดพิเศษเมื่อเข้าเป็นสมาชิก
- คลับ VIP ควรมีรางวัลที่ไม่เหมือนใครและประสบการณ์พิเศษ เพื่อให้สมาชิกรู้สึกได้รับการดูแลอย่างพิเศษ
สิทธิพิเศษ
34. เงื่อนไขในการเข้าร่วมคลับ VIP หรือระดับต่าง ๆ คืออะไร?
- ตัวอย่าง loyalty program กำหนดว่า ลูกค้าต้องเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากหรือไม่
- ตัดสินใจว่า คุณต้องการเชิญสมาชิกที่ใช้จ่ายสูงสุด 100 อันดับแรกเท่านั้นหรือไม่
- อาจเป็นเพียงแค่ลูกค้าที่ต้องใช้คะแนนถึงจำนวนที่กำหนดเพื่อเข้าไปยังคลับ VIP
35. สิทธิพิเศษที่ลูกค้าจะได้รับเมื่อเป็นสมาชิกคลับ VIP คืออะไร?
- ประสบการณ์พิเศษ: รางวัลที่เน้นประสบการณ์ เช่น การเชิญไปร่วมงานแฟชั่นโชว์ การซื้อสินค้าพิเศษ หรือการเข้าใช้คลับสำหรับสมาชิกเท่านั้น จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับกลุ่มลูกค้าหลัก
- การเข้าถึงก่อนใคร: สิทธิ์ในการเข้าถึงสินค้าหรือบริการก่อนใครทำให้สมาชิก Loyalty Program รู้สึกพิเศษ เพราะพวกเขามีสิทธิ์ใช้บริการที่ลูกค้าทั่วไปไม่มี
- บริการลูกค้า VIP: ให้บริการลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่มีมูลค่าสูง ด้วยสายบริการลูกค้า VIP เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจลูกค้าเหล่านี้
ขั้นตอนที่ 5: การเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้า
การรายงานผลเกี่ยวกับ Loyalty Program คือการวางแผนวิธีที่จะวัดผลและ KPI ของโปรแกรม ซึ่งมักจะถูกมองข้ามในระหว่างการออกแบบ Loyalty Program ทำไมการกำหนดสิ่งนี้ควรทำในช่วงระยะเวลาการดำเนินการโปรแกรมและไม่ใช่หลังจาก Loyalty Program เปิดตัว? เพราะมันเกี่ยวข้องกับการแบ่งปันข้อมูลที่คุณต้องการตรวจสอบกับผู้ให้บริการ Loyalty Program ของคุณ หากไม่คำนึงถึงความสามารถในการทำ Report คุณจะพลาดข้อมูลที่สำคัญในการประเมินผลการทำงานของ Loyalty Program ตั้งแต่วันแรก
36. ข้อมูลอะไรที่คุณต้องการใน Loyalty Program ของคุณ?
ผลลัพธ์ที่ควรติดตามในการวัดประสิทธิภาพของ Loyalty Program ได้แก่
- ROI (Return on Investment)
- การแลกรางวัล
- อัตราการเข้าร่วม
- อัตราการแลกรางวัล
- มูลค่าตลอดชีพของลูกค้า (CLV)
- Net Promoter Score (NPS)
นอกจากนี้ คุณยังควรติดตามว่า Loyalty Program ได้เพิ่มการซื้อซ้ำและ AOV สำหรับสมาชิก (เมื่อเทียบกับลูกค้าที่ไม่เป็นสมาชิก) และ Loyalty Program สามารถลด Churn Rate ได้หรือไม่
37. Report แบบไหนที่คุณต้องการใช้ เพื่อแสดง Dashboard คู่กับ Loyalty Program?
การผสานรวมเครื่องมือ BI (Business Intelligence) สามารถช่วยให้ Dashboard ของคุณมีความละเอียดมากขึ้น
เครื่องมือ BI ที่ได้รับความนิยม ได้แก่
- Power BI
- Tableau
- Oracle Analytics Cloud
- MicroStrategy
ทุกกลยุทธ์ในการสร้าง Loyalty Program สามารถเป็นไปได้ง่ายๆด้วย Rocket Loyalty CRM
เมื่อคุณมีแนวคิดจากตัวอย่าง loyalty program แล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการเลือกผู้ให้บริการLoyalty Program หรือ ระบบสมาชิก ดังนั้น Rocket CRM ที่มีความสามารถในการเปลี่ยนไอเดียของคุณให้เป็นจริงได้ เพราะโปรแกรมระบบสมาชิก Rocket CRM จะช่วยให้คุณพัฒนาออกแบบระบบสะสมแต้มของคุณให้ลูกค้าของคุณประทับใจ และทำให้คำถาม “จะออกแบบโปรแกรมระบบสะสมแต้มอย่างไร” กลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น หากคุณสนใจ Loyalty Program ที่มีความยืดหยุ่นและพร้อมตอบสนองจินตนาการของนักการตลาดพร้อม API ที่ครบครัน อย่าลืมลองใช้ Rocket CRM หรือจอง Session ปรึกษาทีมงานผู้เชี่ยวชาญกับเราได้ทีนี่
Rocket Loyalty CRM
เพิ่มยอดขายและลูกค้าประจำด้วย Rocket Loyalty CRM บริหารและแบ่งระดับสมาชิก สร้างของรางวัล คูปองและกระตุ้นยอดขาย ประทับใจลูกค้าไม่แพ้บริษัทยักษ์ใหญ่