Service Mind คืออะไรแบรนด์ยุคใหม่ควรนำมาใช้อย่างไร? [อัพเดท2024]

Service Mind คืออะไร? สำคัญกับแบรนด์ในปัจจุบันอย่างไร?

what-is-service-mind

16 กันยายน, 2024

ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงอย่างเช่นปัจจุบัน ที่แบรนด์ต่างๆ ต่อสู้เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง การมีสินค้าดีนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป สิ่งที่ทำให้ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแตกต่างจากคู่แข่งคือความสามารถในการเชื่อมต่อกับลูกค้าในระดับส่วนบุคคล นี่คือจุดที่ Service Mind คือเครื่องมือสำคัญสำหรับแบรนด์ แต่ “Service Mind” หมายถึงอะไร และมีบทบาทอย่างไรในการสร้างความสำเร็จในระยะยาวของแบรนด์
Service Mind เป็นมากกว่าการให้บริการลูกค้า เป็นตัวแทนของทัศนคติและความคิดที่ทุกแบรนด์ควรส่งเสริม สำหรับนักการตลาดและเจ้าของธุรกิจ การนำ Service Mind มาใช้เป็นมากกว่าแค่การแก้ปัญหา แต่เกี่ยวข้องกับการสร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่สร้างความประทับใจไม่รู้ลืม สร้างความภักดี และทำให้ลูกค้ากลับมาอีก แนวคิดนี้ได้กลายเป็นรากฐานสำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดที่ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมต่างๆ



Service Mind คืออะไร

Service Mind คือกรอบความคิดที่ให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้าและการบริการเชิงรุกในทุกระดับของธุรกิจ มากกว่าแค่การแก้ไขปัญหาของลูกค้า เกี่ยวกับการเข้าใจความต้องการของลูกค้า และทำมากกว่าที่ลูกค้าคาดหวังเพื่อสร้างความประทับใจเชิงบวกและยาวนาน

กรอบความคิดนี้ขยายออกไปไกลกว่าทีมบริการลูกค้า มันสัมผัสทุกแผนก ตั้งแต่การตลาดไปจนถึงการพัฒนาสินค้า ทุกคนภายในแบรนด์นำแนวทางที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก เพื่อให้มั่นใจว่าการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม จะมีความหมายและมีคุณค่า

ในการตลาด การมี เซอร์วิส มายด์ คือการสร้างแคมเปญที่สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย สร้างการเชื่อมต่อ และนำเสนอคุณค่าที่แท้จริง มันเกี่ยวกับการคาดการณ์สิ่งที่ลูกค้าของคุณต้องการ ดึงดูดพวกเขาด้วยข้อความที่ปรับแต่ง และสร้างความรู้สึกภักดี เมื่อแบรนด์มุ่งเน้นไปที่ Service Mind พวกเขาไม่เพียงแต่ปรับปรุงการรักษาลูกค้า แต่ยังสร้างชื่อเสียงที่แข็งแกร่งซึ่งทำให้พวกเขาอยู่เหนือคู่แข่ง


ความหมายของ Service Mind คืออะไรบ้าง

ตัวอักษรแต่ละตัวในคำว่า Service Mind แปล ว่า S-E-R-V-I-C-E-M-I-N-D ตัวอักษรแต่ละตัวแสดงถึงคุณค่าหลักหรือการกระทำที่แบรนด์ควรนำมาใช้เพื่อมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า

service-mind-means


Service Mind สำคัญอย่างไรสำหรับแบรนด์ยุคใหม่ในปัจจุบัน

ความสำคัญของ Service Mind คือสำหรับแบรนด์และธุรกิจ ในสภาพแวดล้อมการแข่งขันในปัจจุบัน Service Mind ไม่ใช่เพียงแค่ “สิ่งที่ดีที่จะมี” อีกต่อไป แต่เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของความสำเร็จทางธุรกิจ แบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้าและนำแนวคิด Service Mind มาใช้มักจะเป็นแบรนด์ที่สร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน ส่งเสริมความภักดี และสร้างการตลาดแบบบอกต่อที่แข็งแกร่ง นี่คือเหตุผลสำคัญบางประการที่ Service Mind มีความสำคัญต่อแบรนด์:


ทำได้อย่างไรเพื่อให้แบรนด์ประสบความสำเร็จจากการมี Service Mind

เพื่อให้แบรนด์ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงด้วยแนวทาง Service Mind มีปัจจัยพื้นฐานหลายประการที่ต้องนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง ปัจจัยเหล่านี้เป็นตัวกำหนดว่าแบรนด์จะมอบบริการที่ยอดเยี่ยมและส่งเสริมความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ยาวนานได้อย่างไร ด้านล่างนี้คือปัจจัยสำคัญแปดประการสำหรับความสำเร็จ พร้อมคำอธิบายและตัวอย่าง:

  1. Customer-First Mindset: ทุกสิ่งเริ่มต้นด้วยการให้ความสำคัญกับลูกค้าในการตัดสินใจและการกระทำทั้งหมด ปลูกฝัง Culture ขององค์กร ตั้งแต่ผู้นำระดับสูงไปจนถึงพนักงานระดับแนวหน้า ให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้าเป็นอันดับแรก
  2. Proactive Engagement: การเข้าถึงลูกค้าก่อนที่พวกเขาจะพบปัญหาแสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจกับประสบการณ์ของพวกเขา ใช้ระบบเพื่อคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะผ่านอีเมลติดตามผล แบบสำรวจ หรือการตรวจสอบบริการ ตัวอย่างเช่น Amazon ส่งการอัปเดตคำสั่งซื้อ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลและความมั่นใจตลอดกระบวนการซื้อ
  3. Personalized Service: ลูกค้ามีชื่นชอบแบรนด์ที่เข้าใจความต้องการและความชอบเฉพาะตัวของ ใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบ ข้อเสนอ และการสื่อสารให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละราย เช่น ระบบแนะนำของ Netflix ปรับเปลี่ยนคำแนะนำภาพยนตร์ตามประวัติการดูของผู้ใช้ สร้างประสบการณ์ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น
  4. Employee Empowerment: พนักงานที่มีอำนาจมีแนวโน้มที่จะแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น มอบอำนาจและเครื่องมือที่จำเป็นแก่พนักงานของคุณเพื่อตัดสินใจและแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้ทันที ตัวอย่างเช่น Ritz-Carlton อนุญาตให้พนักงานใช้จ่ายสูงสุด 2,000 ดอลลาร์เพื่อแก้ไขปัญหาของลูกค้าโดยไม่ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้จัดการ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการแก้ไขที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  5. Consistency Across Touchpoints: ประสบการณ์ที่สอดคล้องกันจะสร้างความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือ ไม่ว่าลูกค้าจะโต้ตอบกับแบรนด์ของคุณอย่างไร รับประกันคุณภาพการบริการที่สม่ำเสมอในทุก Touchpoint ของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์ หน้าร้านค้า หรือผ่านแอปพลิเคชัน เช่น Starbucks มอบประสบการณ์ที่ราบรื่นในแอป เว็บไซต์ และร้านค้าจริง ทำให้ลูกค้าสามารถโต้ตอบกับแบรนด์ได้อย่างง่ายดายในลักษณะเดียวกัน ไม่ว่าจะอยู่บนแพลตฟอร์มใด
  6. Speed of Service: การตอบสนองที่รวดเร็วแสดงให้เห็นว่าคุณเคารพเวลาและความเร่งด่วนของลูกค้า ใช้กระบวนการที่ช่วยให้ตอบสนองต่อข้อซักถามหรือปัญหาของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว เช่น Slack นำเสนอการสนับสนุนลูกค้าเกือบจะทันทีผ่าน Live Chat  ช่วยให้ธุรกิจแก้ไขปัญหาทางเทคนิคได้อย่างรวดเร็ว
  7. Continuous Feedback Collection: ข้อเสนอแนะของลูกค้าเป็นขุมทรัพย์สำหรับการปรับปรุงสินค้าและบริการ รวบรวมและดำเนินการตามความคิดเห็นอย่างสม่ำเสมอเพื่อปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้า ตัวอย่างเช่น ระบบการให้คะแนนอย่างต่อเนื่องสำหรับคนขับ Uber และผู้โดยสารช่วยให้บริษัทสามารถปรับปรุงคุณภาพการบริการอย่างต่อเนื่องตามความคิดเห็นแบบ Real-time
  8. Building Long-Term Relationships: การส่งเสริมความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งนำไปสู่การซื้อซ้ำอย่างไม่สิ้นสุด ใช้ Loyalty program platform เพื่อรักษาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับลูกค้า ตัวอย่างเช่น โปรแกรม Beauty Insider ของ Sephora มอบรางวัลส่วนบุคคลตามความชอบของลูกค้า สร้างความภักดีในระยะยาวและกระตุ้นการซื้อซ้ำ

ด้วยการมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยเหล่านี้ แบรนด์ต่างๆ สามารถนำแนวทาง Service Mind มาใช้และประสบความสำเร็จได้สำเร็จ มันเกี่ยวกับการสร้างกลยุทธ์ที่รอบด้านซึ่งไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเกินความคาดหวังของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง

best-loyalty-program


กลยุทธ์การมัดใจลูกค้าด้วย Service Mind สำหรับแบรนด์ยุคใหม่

กลยุทธ์เพื่อให้แบรนด์ชนะใจลูกค้าด้วย Service Mind จำเป็นต้องสร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวและน่าจดจำ ซึ่งให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าในทุกจุดที่ติดต่อ นี่คือวิธีที่แบรนด์สามารถใช้กลยุทธ์เพื่อดึงดูด มีส่วนร่วม และรักษาลูกค้าผ่านหลักการ Service Mind:

  1. Develop Deep Customer Understanding
    เพื่อมอบบริการที่ยอดเยี่ยม แบรนด์ต้องเข้าใจความชอบ ปัญหา และพฤติกรรมของลูกค้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกผ่านแบบสำรวจ Social Listening และการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ระบบ CRM สามารถช่วยปรับปรุงกระบวนการโดยการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น Spotify ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจความชอบของผู้ใช้ คัดสรร Personal playlist และคำแนะนำที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้งาน
  2. Prioritize Personalized Experiences
    ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ส่วนบุคคล การปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับแต่ละบุคคลเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะ Customer Loyalty แบรนด์ควรใช้ข้อมูลเพื่อติดตามการโต้ตอบและความชอบของลูกค้า ช่วยให้นำเสนอคำแนะนำที่ปรับแต่งตามความต้องการ ข้อเสนอพิเศษ และการสื่อสารส่วนบุคคลที่ตรงใจแต่ละบุคคล เช่น แคมเปญ “Share a Coke” ของ Coca-Cola ซึ่งปรับเปลี่ยนขวดให้เป็นส่วนตัวด้วยชื่อแต่ละคน เป็นตัวอย่างที่มีประสิทธิภาพว่าการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณสามารถสร้างการเชื่อมต่อทางอารมณ์และกระตุ้นยอดขายได้
  3. Train and Empower Employees
    ฝึกอบรมและเสริมสร้างศักยภาพให้พนักงาน พนักงานระดับแนวหน้าควรได้รับการสนับสนุนให้ตัดสินใจที่ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า ซึ่งต้องมีการลงทุนในโปรแกรมการฝึกอบรมที่มุ่งเน้นไปที่ความเห็นอกเห็นใจ การแก้ปัญหา และการตอบสนอง เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานสามารถให้บริการโซลูชั่นที่เป็นส่วนตัวและทันทีได้ เช่น Nordstrom สนับสนุนให้พนักงานตัดสินใจโดยคำนึงถึงลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เช่น การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ช่วยให้แบรนด์รักษาระดับความพึงพอใจของลูกค้าในระดับสูง
  4. Implement Proactive Customer Service
    ใช้บริการลูกค้าเชิงรุก แทนที่จะรอให้ลูกค้าพบปัญหา แบรนด์ควรใช้วิธีการเชิงรุกในการให้บริการ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือที่ลูกค้าจะขอ หรือส่งการแจ้งเตือนเมื่อมีปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความล่าช้าหรือการหยุดชะงัก เป็นต้น อย่างเช่น Netflix จะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบโดยอัตโนมัติเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับบัญชีที่อาจเกิดขึ้น โดยเสนอเคล็ดลับในการแก้ไขปัญหาก่อนที่ผู้ใช้จะติดต่อขอความช่วยเหลือ สิ่งนี้สร้างความรู้สึกห่วงใยและสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า
  5. Leverage Technology for Better Service
    ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อการบริการที่ดีขึ้น เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความพยายามในการบริการลูกค้าโดยไม่ลดทอนความเป็นส่วนตัว เครื่องมืออัตโนมัติและระบบ CRM ช่วยให้แบรนด์ปรับปรุงกระบวนการบริการ ติดตามการโต้ตอบของลูกค้า และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น การอัปเดตซอฟต์แวร์ทางอากาศของ Tesla ช่วยให้บริษัทสามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับรถยนต์จากระยะไกล ลดการหยุดชะงักของลูกค้า
  6. Consistent Multi-Channel Support
    การสนับสนุนหลายช่องทางที่สอดคล้องกัน ลูกค้าคาดหวังบริการที่สอดคล้องกันในทุกช่องทาง ไม่ว่าลูกค้าจะทักผ่านโซเชียลมีเดีย อีเมล โทรศัพท์ หรือ Walk-in แบรนด์ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณภาพของการบริการยังคงเหมือนเดิม โดยไม่คำนึงถึงแพลตฟอร์ม ตัวอย่างเช่น Apple มอบประสบการณ์การสนับสนุนที่สอดคล้องกันในแอป เว็บไซต์ บริการในร้านค้า และสายการสนับสนุนลูกค้า เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับบริการในระดับเดียวกัน ไม่ว่าพวกเขาจะโต้ตอบที่ใด
  7. Foster Long-Term Relationships with Loyalty Programs
    ส่งเสริมความสัมพันธ์ระยะยาวด้วย Loyalty CRM Platform การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาลูกค้า การใช้โปรแกรมความภักดีที่ให้รางวัลแก่การซื้อซ้ำหรือการมีส่วนร่วมช่วยให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกและเสริมสร้างความสัมพันธ์กับแบรนด์ เช่น Loyalty Programs ของ Starbucks ช่วยให้ลูกค้าได้รับรางวัลสำหรับการซื้อ ประสบความสำเร็จอย่างมากและช่วยเพิ่ม Customer Loyalty
  8. Emphasize Transparency and Trust
    เน้นความโปร่งใสและความไว้วางใจ ลูกค้าชื่นชมความโปร่งใสในการโต้ตอบกับแบรนด์ ด้วยการเปิดเผยเกี่ยวกับกระบวนการ นโยบาย และเจตนา แบรนด์ต่างๆ สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งขึ้นโดยอาศัยความไว้วางใจ ตัวอย่างเช่น แบรนด์ Patagonia ยึดมั่นในการรักษาสิ่งแวดล้อมและความโปร่งใส ทำให้แบรนด์ได้รับความนิยมจากลูกค้าที่รักษาสิ่งแวดล้อมเช่นกัน ซึ่งช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว

เซอร์วิส-มายด์-คือ

ตัวอย่างธุรกิจที่มี Service Mind

3 ตัวอย่างของแบรนด์ใหญ่ในด้าน Service Mind มีแบรนด์ระดับโลกหลายแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จด้วยการผสาน Service Mind เข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจส่งผลให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว ลองมาดูสามตัวอย่างยอดนิยม:

Amazon

เด่นของความสำเร็จ แบรนด์นี้ขึ้นชื่อเรื่องในการบริการลูกค้า ตั้งแต่การอัปเดตคำสั่งซื้อแบบเรียลไทม์ไปจนถึงการแก้ไขปัญหาการจัดส่งอย่างรวดเร็ว ความทุ่มเทของ Amazon ในการตอบสนองที่รวดเร็ว การคืนสินค้าที่ง่ายดาย และคำแนะนำในการซื้อสินค้าส่วนบุคคลได้สร้างฐานลูกค้าที่ภักดี แนวทางการบริการลูกค้าของพวกเขาเหนือกว่าการแก้ปัญหา พวกเขาประเมินความต้องการของลูกค้าและให้บริการก่อนที่จะเกิดปัญหา ตัวอย่างเช่น กระบวนการคืนสินค้าที่ราบรื่น การแจ้งเตือนคำสั่งซื้อ และบทวิจารณ์ของลูกค้าของ Amazon มีส่วนช่วยให้ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่ซับซ้อนทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ

Ritz-Carlton

Ritz-Carlton เป็นผู้นำด้านการบริการที่เป็นตัวอย่างที่สำคัญของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าผ่านการเสริมสร้างศักยภาพของพนักงาน Ritz-Carlton มอบอำนาจให้พนักงานใช้จ่ายสูงสุด 70,000 บาทเพื่อแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าโดยไม่ต้องขออนุมัติจากผู้จัดการ สิ่งนี้ช่วยให้พนักงานสามารถสร้างประสบการณ์ส่วนตัวที่น่าจดจำสำหรับลูกค้า เพื่อให้มั่นใจว่าปัญหาต่างๆ จะได้รับการจัดการในทันทีและด้วยความเอาใจใส่

Zappos

การสร้างวัฒนธรรมที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง Zappos เป็นที่รู้จักกันดีในด้านความเป็นเลิศด้านการบริการลูกค้าและสร้างแบรนด์ทั้งหมดโดยให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมที่ลูกค้าต้องมาก่อน จริยธรรมของบริษัทคือการ “สร้างความประทับใจ” ให้กับลูกค้าทุกคน โดยสนับสนุนให้พนักงานใช้เวลาเท่าที่จำเป็นในการช่วยเหลือลูกค้าแต่ละราย แม้ว่าจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการโทรศัพท์เพียงครั้งเดียวก็ตาม ความมุ่งมั่นในการบริการที่เอาใจใส่และเป็นส่วนตัวนี้ทำให้ Zappos เป็นผู้นำด้านความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า
แบรนด์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเมื่อบริษัทต่างๆ ให้ความสำคัญกับ Service Mind ไม่ว่าจะผ่านการมีส่วนร่วมเชิงรุก การเสริมสร้างศักยภาพของพนักงาน หรือวัฒนธรรมที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง สามารถสร้างลูกค้าที่ภักดี ยกระดับชื่อเสียงของแบรนด์ และโดดเด่นในตลาดที่มีการแข่งขันสูง


สรุป Service Mind คืออะไร

Service Mind ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแก้ไขปัญหาของลูกค้า แต่คือแนวทางที่ครอบคลุมซึ่งให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้าในทุกจุดที่ติดต่อกับแบรนด์ สำหรับนักการตลาดและแบรนด์ การใช้แนวทาง Service Mind คือการสร้างการโต้ตอบที่มีความหมายและเป็นส่วนตัว ซึ่งส่งเสริมความภักดี ความไว้วางใจ และการมีส่วนร่วมในระยะยาว

ตั้งแต่การทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าและการให้การสนับสนุนเชิงรุก ไปจนถึงการเสริมสร้างศักยภาพให้พนักงานเพื่อมอบบริการที่ยอดเยี่ยม หลักการของ Service Mind เปลี่ยนธุรกรรมครั้งเดียวให้กลายเป็นความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน แบรนด์ต่างๆ เช่น Amazon, Ritz-Carlton และ Zappos ได้กำหนดมาตรฐานในการบริการลูกค้าโดยการฝัง Service Mind ไว้ในรูปแบบธุรกิจของพวกเขา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณค่าอันมหาศาลที่กรอบความคิดนี้นำมาสู่ทั้งลูกค้าและธุรกิจ

ด้วยการมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ต่างๆ เช่น การนำระบบ Loyalty Program มาใช้เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์มากขึ้นเพื่อรักษาลูกค้าเก่า และกลับมาซื้อซ้ำ ด้วยการส่งแคมเปญที่ตรงกับพฤติกรรมลูกค้าและลดคอนเทนต์ที่ไม่เป็นประโยชน์ไม่รบกวนลูกค้ามากเกินไป

สำหรับแบรนด์ใดก็ตามที่มุ่งหวังที่จะชนะความภักดีของลูกค้าและสร้างชื่อเสียงในเชิงบวก Service Mind เป็นตัวสร้างความแตกต่างที่สำคัญมากกว่ากลยุทธ์ แต่เป็นปรัชญาที่กำหนดอนาคตของธุรกิจที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง


shapeshapeshape

ลงทะเบียน รับคำปรึกษาฟรี!

รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Martech และ Business Transformation

Rocket BLOG

MarTech knowledge to help you stay ahead of the curve.

b2b2c crm

B2B2C คืออะไร? สามารถใช้ Loyalty CRM ได้หรือไม่

B2B2C คืออะไร? เข้าใจโมเดลธุรกิจ พร้อมตัวอย่างการใช้ Loyalty Program ที่ประสบความสำเร็จในยุคที่แบรนด…

#MARKETING
Opinionated vs. Unopinionated Marketing Software

Opinionated vs. Unopinionated Marketing Software ความแตกต่างที่นักการตลาดต้องรู้

ซอฟต์แวร์การตลาดในปัจจุบันแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก Opinionated Software และ Unopinionated Software โ…

#MARKETING
vibe coding mean

Vibe Coding เทรนด์ใหม่ที่นักการตลาดยุคใหม่ควรรู้

ในยุคที่ AI กลายเป็นผู้ช่วยมือขวาในทุกอุตสาหกรรม สำหรับนักการตลาดเองก็ไม่ต่างกัน และหนึ่งในแนวคิดใหม…

#MARKETING

LINE

facebook icon

Facebook

Call

test

Contact

Contact us now

test

✓ Valid number ✕ Invalid number
This field is for validation purposes and should be left unchanged.

Stronger loyalty, through smarter engagement