ในยุคที่ AI กลายเป็นผู้ช่วยมือขวาในทุกอุตสาหกรรม สำหรับนักการตลาดเองก็ไม่ต่างกัน และหนึ่งในแนวคิดใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากคือ Vibe Coding การให้ AI เข้าใจอารมณ์ แนวทาง หรือ “vibe” ที่แบรนด์ต้องการสื่อ แล้วช่วยสร้างสรรค์คอนเทนต์หรือแคมเปญตามบรีฟนั้นได้อย่างแม่นยำ นักการตลาดยุคใหม่ไม่จำเป็นต้องมีทักษะกราฟิกหรือโค้ดดิ้งมากมายอีกต่อไป แค่มีแนวคิดหลักและเป้าหมายที่ชัดเจน ก็เสมือนเป็นการใช้ร่วมกับเครื่องมือ AI เพื่อสร้างสรรค์สื่อการตลาดได้อย่างมืออาชีพในเวลารวดเร็ว
Vibe Coding คืออะไร?
เดิมทีเป็นแนวคิดจากวงการนักพัฒนา โดยหมายถึงการเขียนโค้ดด้วยการพิมพ์ไอเดียหรือคำสั่งเชิงอารมณ์ แล้วให้ AI ช่วยแปลงเป็นโค้ดโปรแกรมแบบอัตโนมัติ ในโลกการตลาด แนวคิดนี้ถูกนำมาต่อยอดกลายเป็น Vibe Marketing คือการให้ AI ทำงานสร้างคอนเทนต์แทน โดยอิงจาก “vibe” ที่นักการตลาดอธิบายไว้ เช่น “ขอภาพแนวมินิมอล โทนอบอุ่น สำหรับกลุ่ม Gen Z” จากนั้น AI จะสร้างภาพ โพสต์ หรือข้อความโฆษณาให้ตรงตามอารมณ์นั้น ๆ ทันที
Vibe Coding สำหรับนักการตลาด
การใช้งานจริงในการตลาดเริ่มจากการที่นักการตลาดพิมพ์บรีฟ หรือไอเดียหลัก เช่น ต้องการแคมเปญโปรโมตสินค้าใหม่ให้ดู “พรีเมียม เรียบหรู แต่เข้าถึงง่าย” จากนั้น AI จะสร้างชุดคอนเทนต์ ทั้งภาพ หัวข้อโฆษณา คำอธิบายสินค้า และแม้กระทั่งตัวเลือกคำโปรโมตบนโซเชียลมีเดียให้เลย และที่สำคัญคือสามารถสั่งแก้สไตล์หรือเปลี่ยนโทนได้ทันที เช่น “ขอสดใสขึ้นอีกนิด” หรือ “ใส่คำภาษาอังกฤษเท่ ๆ หน่อย”
ตัวอย่างการใช้งานในสถานการณ์จริง
นักการตลาดใช้ ChatGPT และ DALL·E สร้างภาพโปรโมตสินค้าใหม่ในสไตล์ Eco vintage โดยไม่ต้องจ้างดีไซเนอร์เลย ขณะที่บางแบรนด์ใช้ AI สร้างข้อความโฆษณาหลากหลายเวอร์ชัน แล้วให้ระบบยิงแคมเปญอัตโนมัติ พร้อมวิเคราะห์ว่าเวอร์ชันไหนได้ Engagement สูงสุด อีกทั้งยังมีการใช้ AI ดึงข้อมูลโฆษณาคู่แข่งบน Facebook มาวิเคราะห์โทนข้อความและภาพที่กำลังได้ผลในอุตสาหกรรมแบบเรียลไทม์
Vibe Coding กับ Marketing Software No-Code
หนึ่งในจุดเด่น คือการรวมเข้ากับเครื่องมือประเภท No-Code Marketing Software เช่น Rocket Loyalty CRM ที่ไม่ต้องเขียนโค้ดเลย ก็สามารถสามารถสร้างและส่งแคมเปญทางการตลาดอัตโนมัติได้ ยกตัวอย่างเช่น การใช้ AI สร้างแคมเปญเชิญชวนลูกค้ามาแลกคูปองพร้อมให้ AI จำแนกประเภท Segment ของลูกค้าแบรนด์ หรือการให้ AI คิด Sequence Line step สำหรับ onboarding และ upsell พร้อมร่างเนื้อหาให้อย่างมืออาชีพ สิ่งนี้เปิดโอกาสให้เจ้าของแบรนด์หรือทีมเล็ก ๆ ที่ไม่มีความรู้โค้ดดิ้ง สร้างระบบการตลาดอัตโนมัติระดับโปรได้ด้วยตนเอง
Future of Vibe Coding
AI จะไม่ใช่แค่ “ตัวช่วย” แต่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ Martech Stack ที่ขาดไม่ได้ เช่น การผสานเข้ากับระบบ CRM หรือ CDP เพื่อให้ AI ปรับคอนเทนต์ตามพฤติกรรมลูกค้าแต่ละราย หรือใช้ในระบบ Marketing Automation เพื่อยิงแคมเปญแบบ real-time ตาม vibe ของลูกค้า ณ ขณะนั้น ที่ล้ำไปกว่านั้นคือการมี AI Agents ที่สามารถทำหน้าที่ทั้งวางแผน สร้างคอนเทนต์ และวัดผลได้แบบอัตโนมัติครบวงจร ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมการทำงานของทีมการตลาดไปอย่างสิ้นเชิง
แม้ AI จะน่าตื่นเต้นและมีประโยชน์มาก แต่ก็มีข้อควรระวังที่ต้องใส่ใจ เช่น AI ยังไม่สามารถเข้าใจอารมณ์มนุษย์ได้ 100% โดยเฉพาะกับข้อความที่มีสำนวน ประชด หรือเล่นคำ นอกจากนี้ผลลัพธ์ที่ได้จาก AI ควรมีการตรวจสอบโดยมนุษย์เสมอ เพื่อป้องกันการสื่อสารผิดพลาดหรือเนื้อหาหลุดจากแนวทางของแบรนด์ การตั้งต้นที่ดี เช่น brand guideline ที่ชัดเจน ก็มีส่วนสำคัญในการควบคุมคุณภาพของผลลัพธ์ อีกทั้งต้องระวังไม่ให้ตกหลุมพรางของ hype โดยมองว่า AI จะแก้ได้ทุกอย่าง ทั้งที่จริงแล้วยังต้องอาศัยความเข้าใจตลาดและลูกค้าอย่างลึกซึ้งจากมนุษย์อยู่เสมอ
สรุป
Vibe Coding ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือวิธีคิดใหม่ของคนทำการตลาด ที่เน้นการส่งต่ออารมณ์และความสร้างสรรค์ผ่าน AI เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ยืดหยุ่น และลดข้อจำกัดด้านทรัพยากร ในยุคที่ทีมเล็กต้องแข่งกับองค์กรใหญ่ เปรียบได้กับการมีทีมผู้ช่วยอัจฉริยะอยู่เคียงข้าง ทำให้นักการตลาดโฟกัสที่สิ่งที่สำคัญที่สุด — เข้าใจลูกค้า และสื่อสารแบรนด์ในแบบที่เป็นตัวเองอย่างแท้จริง
Rocket Loyalty CRM เป็นอีกแพลตฟอร์ม CRM no code ที่ช่วยนักการตลาด สามารถสร้างสรรค์แคมเปญที่สนองจินตนาการได้เต็มที่ โดยไม่ต้องคิวให้นักพัฒนาเขียนโค้ดให้ และนักการตลาดใช้ AI ควบคู่ไปกับการสร้างแคมเปญเพื่อผลลัพธ์ทางการตลาด ก็เสมือนเป็นอาวุธ และพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดให้ได้ผลลัพธ์อย่างยั่งยืน

Rocket Loyalty CRM
เพิ่มยอดขายและลูกค้าประจำด้วย Rocket Loyalty CRM บริหารและแบ่งระดับสมาชิก สร้างของรางวัล คูปองและกระตุ้นยอดขาย ประทับใจลูกค้าไม่แพ้บริษัทยักษ์ใหญ่