Influencer คืออะไร? ทำไมแบรนด์ยุคใหม่ควรรู้ พร้อมเทคนิคเพิ่มยอดขาย

influencer คืออะไร ทำไมแบรนด์ยุคใหม่ควรมี?

influencer-คือ

1 พฤศจิกายน, 2024

ในโลกดิจิทัลปัจจุบัน Influencer คือ เครื่องมือสำคัญสำหรับแบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงผู้ชมที่กว้างขึ้นและเพิ่มการมีส่วนร่วม influencer คือกลุ่มคนที่มีผู้ติดตามจำนวนมากและภักดี ช่วยให้แบรนด์สามารถเชื่อมต่อกับผู้บริโภคด้วยวิธีที่แท้จริง เป็นส่วนตัว และน่าเชื่อถือมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หรือต้องการสร้างความสัมพันธ์กับผู้ชมอีกครั้ง การร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสมสามารถผลักดันผลลัพธ์ที่การโฆษณาแบบเดิมมักทำได้ยาก

ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจกันว่าอินฟลูเอนเซอร์คืออะไร นำเสนอกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จ และให้คำแนะนำในการเพิ่มยอดขายผ่านอินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้ง


สารบัญบทความ hide

Influencer คือใคร? 

Influencer คือบุคคลที่มีอำนาจในการโน้มน้าวการตัดสินใจซื้อของผู้อื่น เนื่องจากความน่าเชื่อถือ ความรู้ ตำแหน่ง หรือความสัมพันธ์ที่มีกับผู้ชม พวกเขามักมีผู้ติดตามจำนวนมากบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Instagram, YouTube, TikTok หรือ Twitter ซึ่งพวกเขาแบ่งปันเนื้อหาที่สอดคล้องกับผู้ชมของพวกเขาเป็นประจำ

อินฟลูเอนเซอร์ แตกต่างจากคนดังแบบดั้งเดิมตรงที่ พวกเขาสามารถมาจากภูมิหลังใดก็ได้ และมักมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น ความงาม ฟิตเนส เกม หรือเทคโนโลยี ซึ่งทำให้พวกเขาดูเข้าถึงได้ง่ายและได้รับความไว้วางใจจากผู้ติดตาม

ยกตัวอย่างเช่น อินฟลูเอนเซอร์ด้านความงามอย่าง Pony Syndrome หรือ กูรูด้านฟิตเนสอย่าง Kayla Itsines ได้สร้างอาณาจักรของตนเองด้วยการรีวิวสินค้า บทช่วยสอน และเคล็ดลับการใช้ชีวิตอย่างตรงไปตรงมา ความสามารถในการเชื่อมต่อกับผู้ชมอย่างแท้จริง ทำให้พวกเขากลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับแบรนด์ที่ต้องการกำหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มประชากรเฉพาะด้วยข้อความที่ปรับแต่งมาอย่างดี


นิยามของ Influencer คืออะไร

อินฟลูเอนเซอร์ คือ บุคคลที่สามารถโน้มน้าวความคิดเห็น พฤติกรรม หรือการตัดสินใจซื้อของผู้ชมกลุ่มเฉพาะได้ อิทธิพลของพวกเขามาจากความไว้วางใจ ความเชี่ยวชาญ และความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่พวกเขาสร้างขึ้นกับผู้ติดตาม ซึ่งแตกต่างจากการโฆษณาแบบดั้งเดิมที่มักให้ความรู้สึกห่างเหินและไม่เป็นส่วนตัว อินฟลูเอนเซอร์จะทำหน้าที่ในพื้นที่ส่วนตัวมากกว่า พวกเขาทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงที่เข้าถึงได้ง่าย ช่วยให้แบรนด์มีส่วนร่วมกับผู้บริโภคอย่างแท้จริง


กรณีศึกษาความสำเร็จของ Influencer ไทย

ประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างมากกับอินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้ง โดยเฉพาะในภาคส่วนของความงาม แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ เอ็ม อมาตา ชิตะเสนี หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Aimmika” บิวตี้ อินฟลูเอนเซอร์ ชื่อดังของไทยที่มีผู้ติดตามจำนวนมากบน Instagram และ YouTube เอ็มประสบความสำเร็จในการร่วมงานกับแบรนด์ใหญ่ๆ เช่น L’Oréal และ MAC Cosmetics โดยใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งที่เธอมีกับผู้ติดตามเพื่อโปรโมตไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่

ในแคมเปญเฉพาะสำหรับ MAC Cosmetics เอ็มได้สร้างวิดีโอสอนแต่งหน้าและแบ่งปันประสบการณ์จริงของเธอในการใช้ผลิตภัณฑ์ แฟนๆ ของเธอเชื่อถือคำแนะนำของเธอ ส่งผลให้เกิดความสนใจในผลิตภัณฑ์และยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมากในกลุ่มผู้ชมของเธอ ความจริงใจในเนื้อหาของเธอรวมกับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความชอบของผู้ชม ทำให้แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก

อีกกรณีที่น่าสนใจคือ เต ตะวัน วิหครัตน์ นักแสดงและอินฟลูเอนเซอร์บนโซเชียลมีเดีย ด้วยบุคลิกที่เข้าถึงง่าย เต ได้ร่วมงานกับแบรนด์เทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ เช่น Samsung และ KFC Thailand เปลี่ยนผู้ติดตามของเขาให้กลายเป็นลูกค้าด้วยเนื้อหาที่น่าสนใจและสร้างสรรค์ ความร่วมมือเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าอินฟลูเอนเซอร์ในประเทศไทยไม่เพียงแต่ช่วยสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์เท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มยอดขายในอุตสาหกรรมต่างๆ อีกด้วย


เทคนิคเพิ่มยอดขายด้วย Influencer และ Loyalty Program

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของ อินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้ง การผสมผสานกับ CRM ดีถือเป็นกลยุทธ์ที่ทรงพลัง นี่คือวิธีที่แบรนด์ต่างๆ สามารถเพิ่มยอดขายโดยการรวมอินฟลูเอนเซอร์เข้ากับระบบสะสมแต้ม เช่น Rocket Loyalty

ส่วนลดและรหัสพิเศษ

การร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์เพื่อเสนอรหัสส่วนลดพิเศษเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการกระตุ้นการซื้อทันที ตัวอย่างเช่น การให้อินฟลูเอนเซอร์มีรหัสส่วนตัว (เช่น “AIM20” สำหรับส่วนลด 20%) ไม่เพียงแต่จูงใจให้ผู้ติดตามซื้อสินค้าเท่านั้น แต่ยังติดตามประสิทธิภาพของอินฟลูเอนเซอร์ได้อีกด้วย วิธีนี้สร้างความเร่งด่วนและความพิเศษเฉพาะ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นสำคัญสำหรับการซื้อแบบหุนหันพลันแล่น

คะแนนสะสมสำหรับการแนะนำ

การรวมอินฟลูเอนเซอร์เข้ากับ Loyalty Program ของคุณ ช่วยให้ผู้ติดตามได้รับคะแนนสำหรับการซื้อผ่านการแนะนำของอินฟลูเอนเซอร์ ตัวอย่างเช่น ผู้ติดตามอาจได้รับคะแนนสะสมสองเท่าสำหรับการซื้อผลิตภัณฑ์ที่โปรโมตโดยอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำและเสริมสร้างความภักดีต่อแบรนด์

แคมเปญ Loyalty Program ที่นำโดยอินฟลูเอนเซอร์

อินฟลูเอนเซอร์สามารถเปิดตัวแคมเปญสร้าง Customer Loyalty ซึ่งผู้ติดตามจะได้รับการสนับสนุนให้สมัคร Loyalty Program ของแบรนด์เพื่อเข้าถึงสิทธิประโยชน์พิเศษ เช่น การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ก่อนใคร หรือสินค้ารุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น วิธีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยผลักดันยอดขายในทันที แต่ยังส่งเสริมความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าอีกด้วย

ตัวอย่างเช่น แบรนด์ความงามสามารถร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ด้านสกินแคร์เพื่อโปรโมตแคมเปญที่ให้สิทธิ์เข้าถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ก่อนใครสำหรับสมาชิก ซึ่งสร้างความตื่นเต้นและความคาดหวังภายในชุมชนของอินฟลูเอนเซอร์


ข้อดีของ Influencer คืออะไรบ้าง

Influencer คือ การนำเสนอข้อได้เปรียบที่สำคัญหลายประการสำหรับแบรนด์ที่ต้องการเสริมสร้างสถานะของตนและเชื่อมต่อกับผู้บริโภคในระดับบุคคล นี่คือประโยชน์หลักๆ:

อินฟลูเอนเซอร์คือกระบอกเสียงที่เชื่อถือได้ภายในชุมชนของพวกเขา ซึ่งแตกต่างจากโฆษณาแบบดั้งเดิม การรับรองจากอินฟลูเอนเซอร์ให้ความรู้สึกที่น่าเชื่อถือมากกว่า เนื่องจากมาจากบุคคลที่ผู้ติดตามมองว่าเป็นของแท้และเข้าถึงได้ง่าย ความน่าเชื่อถือนี้ส่งผลให้มีอัตราการมีส่วนร่วมที่สูงขึ้นและความไว้วางใจในคำแนะนำผลิตภัณฑ์มากขึ้น

ด้วยอินฟลูเอนเซอร์ แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงผู้ชมที่เฉพาะเจาะจงได้มากขึ้นตามข้อมูลประชากร ความสนใจ และพฤติกรรม ตัวอย่างเช่น แบรนด์ฟิตเนสสามารถร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ที่เน้นเรื่องสุขภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาจะเข้าถึงผู้ชมที่สนใจในเรื่องฟิตเนสและความเป็นอยู่ที่ดี วิธีการกำหนดเป้าหมายนี้ช่วยลดการใช้จ่ายทางการตลาดที่สูญเปล่าและปรับปรุงอัตราการแปลง

เมื่อเทียบกับแคมเปญโฆษณาที่มีต้นทุนสูง ไมโครและนาโนอินฟลูเอนเซอร์มักมีราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า ในขณะที่ยังคงมอบการมีส่วนร่วมในระดับสูง อินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้มักมีผู้ติดตามเฉพาะกลุ่มที่มีส่วนร่วมสูง ซึ่งอาจส่งผลให้ ROI ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ขนาดเล็กที่มีงบประมาณจำกัด

อินฟลูเอนเซอร์มีความเชี่ยวชาญในการสร้างเนื้อหาที่ดึงดูดสายตาและน่าสนใจ ซึ่งสอดคล้องกับผู้ชมของพวกเขา ด้วยการร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ แบรนด์ต่างๆ จะได้รับประโยชน์จากเนื้อหาคุณภาพสูงที่สามารถนำไปใช้ซ้ำได้ในช่องทางการตลาดของตนเอง ตั้งแต่โซเชียลมีเดียไปจนถึงแคมเปญอีเมล

การเห็นอินฟลูเอนเซอร์ที่เชื่อถือได้ใช้ผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้ติดตามมีหลักฐานทางสังคม ทำให้มีแนวโน้มที่จะลองใช้ผลิตภัณฑ์นั้นด้วยตนเอง ผลกระทบนี้จะทรงพลังเป็นพิเศษเมื่อรวมกับเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น ซึ่งผู้ติดตามยังแบ่งปันประสบการณ์ของตนเองอีกด้วย


ประเภทของ Influencer คืออะไรบ้าง

เมื่อพูดถึง influencer คือ การเข้าใจอินฟลูเอนเซอร์ประเภทต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญในการเลือกพันธมิตรที่เหมาะสมกับแบรนด์ของคุณ อินฟลูเอนเซอร์สามารถจำแนกได้ตามจำนวนผู้ติดตามและประเภทของเนื้อหาที่สร้าง นี่คือหมวดหมู่หลัก:

นาโนอินฟลูเอนเซอร์ (1,000 – 10,000 ผู้ติดตาม)

นาโนอินฟลูเอนเซอร์มีชุมชนขนาดเล็กที่แน่นแฟ้น ซึ่งมักสร้างขึ้นรอบๆ ความสนใจเฉพาะกลุ่ม อัตราการมีส่วนร่วมของพวกเขามักจะสูงกว่าเพราะพวกเขามีความสัมพันธ์โดยตรงกับผู้ติดตาม ตัวอย่างเช่น บล็อกเกอร์อาหารท้องถิ่นที่แนะนำร้านอาหารที่ซ่อนอยู่อาจมีอิทธิพลอย่างมากต่อผู้ชมในภูมิภาค

ไมโครอินฟลูเอนเซอร์ (10,000 – 100,000 ผู้ติดตาม)

ไมโครอินฟลูเอนเซอร์มีการเข้าถึงที่มากกว่าเล็กน้อย แต่ยังคงรักษาการมีส่วนร่วมที่แข็งแกร่ง เนื้อหาของพวกเขามักจะเน้นไปที่ด้านใดด้านหนึ่ง เช่น ความงาม แฟชั่น หรือฟิตเนส ไมโครอินฟลูเอนเซอร์เหมาะสำหรับแบรนด์ที่กำหนดเป้าหมายไปยังผู้ชมเฉพาะกลุ่ม ในขณะที่ยังคงรักษาการเชื่อมต่อที่แท้จริงและเป็นส่วนตัว ตัวอย่างเช่น บริษัทอุปกรณ์ฟิตเนสที่ร่วมมือกับไมโครอินฟลูเอนเซอร์ที่เน้นการออกกำลังกายแบบยั่งยืน สามารถมั่นใจได้ว่าข้อความของพวกเขาจะเข้าถึงผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

แมคโครอินฟลูเอนเซอร์ (100,000 – 1 ล้านผู้ติดตาม)

แมคโครอินฟลูเอนเซอร์มักรวมถึงคนดังหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง แม้ว่าพวกเขาจะมีผู้ติดตามจำนวนมาก แต่อัตราการมีส่วนร่วมอาจลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับนาโนและไมโครอินฟลูเอนเซอร์ อย่างไรก็ตาม พวกเขามอบการมองเห็นในวงกว้าง ทำให้เหมาะสำหรับแคมเปญสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ ตัวอย่างเช่น อินฟลูเอนเซอร์ด้านการท่องเที่ยวที่ร่วมมือกับสายการบินเพื่อโปรโมตการแข่งขันการเดินทางทั่วโลก

เมกะอินฟลูเอนเซอร์ (มากกว่า 1 ล้านผู้ติดตาม)

เมกะอินฟลูเอนเซอร์มักเป็นคนดังระดับโลกหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงบนอินเทอร์เน็ตที่มีผู้ชมจำนวนมาก การร่วมมือกับเมกะอินฟลูเอนเซอร์สามารถนำไปสู่การมองเห็นในวงกว้าง แต่มักเป็นตัวเลือกที่แพงที่สุด อินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้เหมาะสำหรับแบรนด์ใหญ่หรือแคมเปญที่มีงบประมาณสูงซึ่งมุ่งเป้าไปที่การเข้าถึงที่กว้างขวาง ตัวอย่างเช่น แบรนด์แฟชั่นหรูที่ร่วมมือกับบุคคลสำคัญระดับโลก เช่น Chiara Ferragni หรือ Kylie Jenner


วิธีเลือกอินฟลูเอนเซอร์สำหรับแบรนด์ของคุณ

การเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสมสำหรับแบรนด์ของคุณเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้แคมเปญประสบความสำเร็จ นี่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ควรพิจารณา:

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ชมของอินฟลูเอนเซอร์ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ ไม่ใช่แค่จำนวนผู้ติดตาม แต่เป็นความเกี่ยวข้องของผู้ติดตามเหล่านั้นกับผลิตภัณฑ์ของคุณ ตัวอย่างเช่น แบรนด์สกินแคร์ต้องการร่วมงานกับบิวตี้ อินฟลูเอนเซอร์ ที่มีผู้ติดตามสนใจเรื่องกิจวัตรการดูแลผิวและเคล็ดลับความงาม ใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น Social Blade เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลผู้ชมและตัวชี้วัดการมีส่วนร่วม

การมีส่วนร่วมมักเป็นตัวชี้วัดที่มีค่ามากกว่าจำนวนผู้ติดตาม อินฟลูเอนเซอร์ที่มีส่วนร่วมสูงแสดงว่าผู้ชมสนใจเนื้อหาของพวกเขาอย่างจริงจัง ไมโครและนาโนอินฟลูเอนเซอร์มักมีอัตราการมีส่วนร่วมที่สูงกว่า ทำให้เหมาะสำหรับการกระตุ้น Conversion เครื่องมือต่างๆ เช่น HypeAuditor สามารถช่วยประเมินอัตราการมีส่วนร่วมของอินฟลูเอนเซอร์ได้

ดูคุณภาพและความสม่ำเสมอของเนื้อหาของอินฟลูเอนเซอร์ สไตล์ของพวกเขาสอดคล้องกับข้อความของแบรนด์ของคุณหรือไม่ เนื้อหาของอินฟลูเอนเซอร์ควรให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ถูกบังคับ เมื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ของคุณ ตัวอย่างเช่น หากแบรนด์ของคุณให้ความสำคัญกับความเรียบง่ายและความยั่งยืน ไลฟ์สไตล์ อินฟลูเอนเซอร์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อหาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะนำเสนอความร่วมมือที่ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น

ตรวจสอบประวัติของอินฟลูเอนเซอร์กับการเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ก่อนหน้านี้ พวกเขาเคยร่วมงานกับคู่แข่งหรือไม่ พวกเขามีชื่อเสียงในด้านการโปรโมตผลิตภัณฑ์มากเกินไปในคราวเดียวหรือไม่ ซึ่งอาจลดอิทธิพลของพวกเขาได้ การเลือกคนที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินแคมเปญและสอดคล้องกับค่านิยมของแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญ

งบประมาณของคุณมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเลือกประเภทของอินฟลูเอนเซอร์ที่จะร่วมงานด้วย แม้ว่าเมกะอินฟลูเอนเซอร์จะมีการเข้าถึงที่กว้างกว่า แต่ไมโครและนาโนอินฟลูเอนเซอร์มักให้ ROI ที่ดีกว่าเนื่องจากมีระดับการมีส่วนร่วมที่สูงและอัตราที่เข้าถึงได้ ควรสร้างสมดุลระหว่างเป้าหมายของคุณกับทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญ


3 เครื่องมือแพลตฟอร์มอินฟลูเอนเซอร์ชั้นนำ

เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในความพยายามด้าน อินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้ง ของคุณและเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนให้สูงสุด การใช้แพลตฟอร์ม อินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้ง อาจเป็นประโยชน์อย่างมาก นี่คือสามเครื่องมือชั้นนำที่มี:

Upfluence

Upfluence เป็นแพลตฟอร์ม อินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้ง แบบครบวงจรที่นำเสนอฐานข้อมูลที่ครอบคลุมของอินฟลูเอนเซอร์ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ แบรนด์ต่างๆ สามารถค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ตามเกณฑ์เฉพาะ เช่น ตำแหน่งที่ตั้ง ข้อมูลประชากรของผู้ชม และอัตราการมีส่วนร่วม แพลตฟอร์มนี้ยังมีเครื่องมือสำหรับจัดการแคมเปญ ติดตามประสิทธิภาพ และวิเคราะห์ ROI ตัวอย่างเช่น แบรนด์แฟชั่นสามารถใช้ Upfluence เพื่อค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ที่เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นที่ยั่งยืน เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับค่านิยมของแบรนด์

AspireIQ

AspireIQ มุ่งเน้นไปที่การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์ แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สร้างชุมชนอินฟลูเอนเซอร์ ทำให้ง่ายต่อการร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์หลายคนในช่วงเวลาหนึ่ง AspireIQ ยังมีเครื่องมือสำหรับการจัดการเนื้อหาและการติดตามประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น แบรนด์ความงามสามารถมีส่วนร่วมกับกลุ่มไมโครอินฟลูเอนเซอร์เพื่อสร้างเนื้อหาที่สอดคล้องกันสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เสริมสร้างความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องและส่งเสริมความภักดีต่อแบรนด์

Influencity

Influencity เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยให้แบรนด์ต่างๆ ค้นพบอินฟลูเอนเซอร์ วิเคราะห์การเข้าถึง และติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญ คุณสมบัติขั้นสูงช่วยให้คุณประเมินความถูกต้องของผู้ชมของอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณร่วมมือกับบุคคลที่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง สิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการหลีกเลี่ยงผู้ติดตามปลอม ตัวอย่างเช่น บริษัทอาหารเสริมเพื่อสุขภาพสามารถใช้ Influencity เพื่อระบุอินฟลูเอนเซอร์ด้านฟิตเนสที่น่าเชื่อถือซึ่งมีฐานผู้ติดตามที่แท้จริงสำหรับแคมเปญการตลาดแบบกำหนดเป้าหมาย

เครื่องมือเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความยุ่งยากในกระบวนการค้นหาและจัดการอินฟลูเอนเซอร์ แต่ยังให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าที่สามารถปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาดของคุณได้


สรุป Influencer คืออะไร ช่วยแบรนด์เพิ่มยอดได้จริงหรือไม่

Influencer คือกลยุทธ์ที่ทรงพลังสำหรับแบรนด์ที่ต้องการดึงดูดผู้ชมด้วยวิธีที่แท้จริง ด้วยการร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสม ธุรกิจต่างๆ ไม่เพียงแต่สามารถเพิ่มการมองเห็นได้เท่านั้น แต่ยังช่วยผลักดันยอดขายและส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับลูกค้า ตั้งแต่การทำความเข้าใจประเภทของอินฟลูเอนเซอร์ ตั้งแต่นาโนไปจนถึงเมกะอินฟลูเอนเซอร์ ไปจนถึงการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือต่างๆ เช่น Upfluence, AspireIQ และ Influencity แบรนด์ต่างๆ มีทรัพยากรในการดำเนินแคมเปญที่ประสบความสำเร็จ

การผสานรวม อินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้ง เข้ากับระบบสมาชิก เช่น Rocket Loyalty ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพวิธีการนี้ยิ่งขึ้น แบรนด์ต่างๆ สามารถใช้ส่วนลดพิเศษ คะแนนสะสมสำหรับการแนะนำ และแคมเปญที่นำโดยอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อสร้างความภักดีของลูกค้าพร้อมกับเพิ่มยอดขาย กลยุทธ์แบบคู่ขนานนี้ไม่เพียงแต่เพิ่ม Conversion ในทันที แต่ยังส่งเสริมความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้บริโภคอีกด้วย

ในสภาพแวดล้อมการแข่งขันในปัจจุบัน การใช้อินฟลูเอนเซอร์ร่วมกับโปรแกรมสร้างความภักดีที่แข็งแกร่งไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นกลยุทธ์ที่จำเป็นสำหรับแบรนด์ที่ต้องการรักษาลูกค้าและกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ ด้วยการใช้กลยุทธ์เหล่านี้ แบรนด์ต่างๆ สามารถนำทางผ่านความซับซ้อนของพฤติกรรมผู้บริโภคและโดดเด่นในตลาดที่มีผู้คนหนาแน่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ


shapeshapeshape

ลงทะเบียน รับคำปรึกษาฟรี!

รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Martech และ Business Transformation

Rocket BLOG

MarTech knowledge to help you stay ahead of the curve.

archetype-loyalty-program

4 Archetype ของลูกค้า เพิ่มยอดขายให้พุ่งด้วยระบบสะสมแต้ม

เจาะลึกถึง Archetype ของลูกค้า ได้แก่ Idles, Influencers, Deals และ Ideals ด้วยการสร้าง Loyalty Prog…

#MARKETING
go-green-loyalty-program

แบรนด์ยุคใหม่ ไม่ Go Green ไม่ได้แล้ว

ในสภาพแวดล้อมการแข่งขันในปัจจุบัน Green Loyalty แบบ Go Green ไม่ใช่แค่ “สิ่งที่ดีที่จะมี&#8221…

#MARKETING
popmart-marketing

กลยุทธ์การตลาดร้าน POP MART ทำไมถึงขายดี

ร้าน pop mart ได้เข้ามาครองใจผู้คนทั่วโลกด้วยการผสมผสานระหว่างของเล่นศิลปะ วัฒนธรรมการสะสม ความลับสู…

#MARKETING

LINE

Call

Free trial

test

Contact

Contact us now

test

✓ Valid number ✕ Invalid number
This field is for validation purposes and should be left unchanged.

Stronger loyalty, through smarter engagement