Know your customers from the inside out — but expand your vision with third party data for smarter, more sustainable strategies.
ในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นทรัพยากรสำคัญของธุรกิจ การเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งกลายเป็นหัวใจของกลยุทธ์การตลาดและการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือ CRM (Customer Relationship Management) หนึ่งในแหล่งข้อมูลที่ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการนี้คือ third party ซึ่งเป็นข้อมูลที่แบรนด์ไม่ได้เก็บรวบรวมเองโดยตรง แต่ได้มาจากแหล่งภายนอกที่เรียกว่า “บุคคลที่สาม”
หลายธุรกิจอาจมองว่า ข้อมูลที่มีอยู่ภายในองค์กรก็เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริง การเข้าถึงข้อมูลจาก third party คือโอกาสในการขยายมุมมองของลูกค้าให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ ความสนใจจากโซเชียลมีเดีย หรือแนวโน้มการซื้อสินค้าที่เกิดขึ้นในช่องทางอื่น ๆ
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า “third party คือ” อะไร แตกต่างจากข้อมูลประเภทอื่นอย่างไร และมีบทบาทอย่างไรในการเสริมพลังให้กับระบบ CRM รวมถึงข้อควรระวังในการใช้งานข้อมูลเหล่านี้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและจริยธรรม พร้อมแนะนำแนวทางในการใช้ประโยชน์จาก third party อย่างมีประสิทธิภาพในโลกของการตลาดดิจิทัล
Third party คืออะไร?
คำว่า third party คือ คำศัพท์สำคัญที่นักการตลาดในยุคดิจิทัลต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะข้อมูลในโลกการตลาดนั้นมีหลากหลายแหล่งและหลายระดับ ซึ่ง third party เป็นข้อมูลที่ไม่ได้มาจากลูกค้าโดยตรง และไม่ได้มาจากพันธมิตรใกล้ชิดของธุรกิจ แต่ถูกจัดเก็บและนำเสนอโดยบุคคลที่สาม เช่น บริษัทโฆษณา ผู้ให้บริการข้อมูล หรือแพลตฟอร์มติดตามพฤติกรรมผู้บริโภค
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ข้อมูลในโลกของการตลาดสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่:
- First-party data: คือข้อมูลที่แบรนด์เก็บเองโดยตรงจากลูกค้า เช่น ข้อมูลการสมัครสมาชิก การซื้อสินค้า หรือพฤติกรรมการใช้งานบนเว็บไซต์ของตนเอง
- Second-party data: คือข้อมูลที่ได้จากพันธมิตรทางธุรกิจที่มีการแลกเปลี่ยนกันอย่างเป็นทางการ เช่น ข้อมูลลูกค้าจากพาร์ตเนอร์ร่วมแคมเปญ
- Third-party data: คือข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวมโดยองค์กรภายนอก แล้วนำมาแบ่งขายหรือให้สิทธิ์ใช้งานกับแบรนด์ต่าง ๆ โดย third party คือแหล่งข้อมูลที่มีขนาดใหญ่มาก ครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภคหลากหลาย
ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น แบรนด์เสื้อผ้าออนไลน์อาจซื้อข้อมูล third party จากแพลตฟอร์มโฆษณาที่ติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งานเว็บไซต์อื่น เพื่อดูว่าใครมีแนวโน้มสนใจแฟชั่น แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ยิงโฆษณาหรือวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย
third party กุญแจสำคัญในการวางแผนการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (data-driven marketing) อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างแหล่งข้อมูล third party ที่นักการตลาดใช้บ่อย
เมื่อเข้าใจแล้วว่า third party คือ ข้อมูลที่มาจากแหล่งภายนอกที่ไม่ใช่เจ้าของแบรนด์โดยตรง คำถามต่อมาคือ “ข้อมูลเหล่านี้มาจากไหน?” คำตอบคือ third party data มักมาจากหลากหลายช่องทาง ซึ่งนักการตลาดในยุคดิจิทัลใช้กันเป็นประจำเพื่อเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคในภาพรวมได้ดียิ่งขึ้น
หนึ่งในแหล่งข้อมูลยอดนิยมคือ โซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, TikTok หรือ X (Twitter) ที่เก็บพฤติกรรมของผู้ใช้งานในวงกว้าง ทั้งความสนใจ การกดไลก์ การแชร์ และการติดตามเพจต่าง ๆ ข้อมูลเหล่านี้สามารถเข้าถึงได้ผ่านระบบโฆษณาของแพลตฟอร์ม ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถยิงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มสนใจสินค้าได้อย่างแม่นยำ
อีกหนึ่งแหล่งสำคัญคือ คุกกี้ของบุคคลที่สาม (third-party cookies) ที่ใช้ติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้ขณะท่องเว็บไซต์ต่าง ๆ
เช่น เว็บไซต์ข่าวหรือเว็บไซต์รีวิวสินค้า ซึ่งช่วยให้ธุรกิจรู้ว่าผู้ใช้งานสนใจอะไร คลิกอะไร และมีแนวโน้มจะซื้ออะไร แม้จะยังไม่เคยเข้ามาที่เว็บไซต์ของแบรนด์มาก่อน
นอกจากนี้ ยังมี ข้อมูลจากพาร์ตเนอร์หรือเครือข่ายโฆษณา เช่น Google Ads, Data Provider, หรือ Affiliate Networks ที่เก็บพฤติกรรมผู้ใช้จากหลายแหล่ง แล้วนำมาวิเคราะห์เป็นกลุ่มเป้าหมายสำเร็จรูปให้แบรนด์เลือกใช้
ทั้งหมดนี้คือเหตุผลว่าทำไม “third party คือ” เครื่องมือสำคัญที่นักการตลาดควรเรียนรู้ เพราะมันช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ ที่แบรนด์ไม่สามารถเข้าถึงได้จากข้อมูลภายในเพียงอย่างเดียว
ทำไม third party คือสิ่งสำคัญในระบบ CRM
ในโลกของการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) ข้อมูลคือรากฐานของทุกการตัดสินใจ และแม้ว่าแบรนด์จะมีข้อมูลของลูกค้าอยู่แล้วจากการสมัครสมาชิก หรือประวัติการสั่งซื้อ แต่ในหลายกรณี ข้อมูลเหล่านั้นยังไม่เพียงพอที่จะเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง นี่จึงเป็นจุดที่ third party คือ ตัวช่วยสำคัญที่จะต่อเติมภาพให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ระบบ CRM ที่เชื่อมต่อกับ third party data จะสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าในมิติที่กว้างขึ้น เช่น ความสนใจที่ไม่ได้แสดงออกในเว็บไซต์ของแบรนด์โดยตรง หรือแนวโน้มการซื้อสินค้าประเภทใกล้เคียงจากแพลตฟอร์มอื่น ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้แบรนด์สามารถปรับกลยุทธ์ได้ตรงจุดมากขึ้น เช่น สร้างข้อเสนอเฉพาะบุคคล (personalized offer) หรือจัดแคมเปญแบบ segment-based ที่มีแนวโน้มตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีกว่าเดิม
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อ third party data ถูกรวมเข้ากับ first-party data ที่มีอยู่ในระบบ CRM แล้วจะช่วยเสริมพลังในการทำ customer segmentation, predictive analytics, และ lifetime value modeling ซึ่งล้วนเป็นเครื่องมือที่ธุรกิจสมัยใหม่ใช้ในการเพิ่มยอดขายและรักษาลูกค้า
กล่าวได้ว่า third party คือ ขุมทรัพย์ข้อมูลภายนอกที่ทำให้ CRM ทำงานได้อย่างทรงพลัง ไม่ใช่แค่บันทึกความสัมพันธ์ แต่สามารถสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้าในแบบที่เหนือความคาดหมาย
ข้อควรระวังในการใช้ข้อมูล third party
แม้ว่า third party คือ แหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์มหาศาลในการเสริมความเข้าใจลูกค้า แต่การนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในระบบ CRM หรือการตลาดไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้ามด้านความเสี่ยง โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว และกฎหมายเริ่มควบคุมการจัดเก็บและใช้ข้อมูลอย่างเข้มงวดมากขึ้น
หนึ่งในประเด็นที่ต้องระวังคือ ความแม่นยำของข้อมูล เนื่องจาก third party data มาจากหลายแหล่ง และไม่ได้เกิดขึ้นในระบบของแบรนด์โดยตรง จึงมีโอกาสสูงที่ข้อมูลอาจล้าสมัย หรือไม่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายจริง หากนำไปใช้วิเคราะห์โดยไม่กรอง อาจทำให้แคมเปญพลาดเป้าและสูญเสียงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์
อีกเรื่องสำคัญคือ ประเด็นด้านกฎหมายและความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีกฎหมาย PDPA และในระดับสากลอย่าง GDPR ซึ่งควบคุมการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเข้มงวด การซื้อหรือใช้งาน third party data ที่ไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล อาจทำให้ธุรกิจเสี่ยงต่อคดีความและเสียความน่าเชื่อถือ
นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มระดับโลก เช่น การเลิกใช้ third-party cookies บนเบราว์เซอร์ชื่อดังอย่าง Google Chrome หรือ Safari ซึ่งกำลังเปลี่ยนวิธีการเก็บข้อมูลของนักการตลาดแบบเดิมโดยสิ้นเชิง ทำให้หลายแบรนด์เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับ first-party data และการสร้างความสัมพันธ์โดยตรงกับลูกค้ามากขึ้น
กลยุทธ์การใช้ third party อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อเข้าใจแล้วว่า third party คือ แหล่งข้อมูลจากภายนอกที่สามารถช่วยให้แบรนด์วิเคราะห์และเข้าถึงลูกค้าได้ดีขึ้น ขั้นตอนถัดไปคือการเลือกใช้อย่างมีกลยุทธ์ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดโดยไม่ละเลยด้านความปลอดภัยและจริยธรรม
อันดับแรก แบรนด์ควรเริ่มจากการ ผสมผสานข้อมูล first-party กับ third party เข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่มีความแม่นยำมากขึ้น ตัวอย่างเช่น หากระบบ CRM มีข้อมูลการซื้อซ้ำของลูกค้า แต่อยากรู้ว่าลูกค้ามีแนวโน้มสนใจอะไรเพิ่มเติม ก็สามารถใช้ third party data เพื่อเสริมภาพรวมก่อนออกแบบแคมเปญ
ถัดมา การ คัดเลือกผู้ให้บริการข้อมูล (Data Provider) ที่มีความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง อย่าใช้ข้อมูลจากแหล่งที่ไม่มีการเปิดเผยวิธีการจัดเก็บ เพราะอาจเสี่ยงต่อการละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัว และทำให้เสียชื่อเสียงแบรนด์โดยไม่รู้ตัว
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือการ ตั้งระบบ CRM ให้รองรับการจัดการข้อมูลหลายแหล่ง เช่น การทำ Data Enrichment หรือการเชื่อมต่อกับ Customer Data Platform (CDP) เพื่อให้สามารถรวม วิเคราะห์ และแยกแยะข้อมูลจาก first-party และ third party ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่เก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ แต่ต้องใช้เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น
ท้ายที่สุด แบรนด์ควรมี แนวทางด้านจริยธรรมข้อมูล (Data Ethics) และความโปร่งใสต่อผู้บริโภค โดยแสดงนโยบายการใช้ข้อมูลให้ชัดเจน มีระบบขอความยินยอมที่โปร่งใส และเปิดโอกาสให้ลูกค้าบริหารจัดการข้อมูลของตนเองได้ เพราะแม้ third party คือ ขุมทรัพย์ของนักการตลาด แต่การใช้ข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบต่างหาก ที่จะสร้างแบรนด์ให้ยั่งยืนในระยะยาว
Conclusion: สรุปความสำคัญของ third party คืออะไรสำหรับนักการตลาด
แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่การใช้ข้อมูลจาก third party ก็ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ตั้งแต่การตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล การปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไปจนถึงการตั้งระบบที่พร้อมผสมผสานข้อมูลจากหลากหลายแหล่งได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ แบรนด์ควรมอง third party ไม่ใช่แค่เครื่องมือวิเคราะห์ แต่เป็นโอกาสในการสร้างความเข้าใจลูกค้าในเชิงลึก ซึ่งเมื่อใช้ร่วมกับข้อมูลภายในองค์กร จะช่วยให้ธุรกิจสามารถออกแบบประสบการณ์ที่แม่นยำ เป็นส่วนตัว และตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างแท้จริง
เพราะฉะนั้น สำหรับนักการตลาดยุคใหม่ การรู้ว่า third party คือ อะไร และใช้อย่างไรให้เหมาะสม ไม่เพียงแต่จะทำให้แคมเปญมีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญของการทำการตลาดที่ยั่งยืนในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

Rocket Loyalty CRM
เพิ่มยอดขายและลูกค้าประจำด้วย Rocket Loyalty CRM บริหารและแบ่งระดับสมาชิก สร้างของรางวัล คูปองและกระตุ้นยอดขาย ประทับใจลูกค้าไม่แพ้บริษัทยักษ์ใหญ่