16 สิงหาคม, 2022
ทุกธุรกิจย่อมคาดหวังถึงยอดขายที่เป็นไปตามเป้าหมาย จากทั้งลูกค้าใหม่และฐานลูกค้าเดิมที่จะกลับมาอุดหนุนซ้ำ แต่ก็เป็นเรื่องที่ท้าทายไม่น้อย เพราะหลายขั้นตอนกว่าที่จะสร้างตัวตนให้เป็นที่รู้จัก ได้รับความไว้วางใจต่อสินค้าหรือบริการ ไปจนถึงการมีลูกค้าประจำ ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องใช้เวลาและเครื่องมือในการบริหารจัดการ
เครื่องมือหนึ่งที่ช่วยเหลือเหล่านักธุรกิจหรือนักการตลาดได้อย่างนั่นก็คือ Loyalty Program ที่ส่งผลให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษที่ได้อุดหนุนธุรกิจของคุณ กระตุ้นการกลับมาซื้อซ้ำด้วยหลากหลายกลยุทธ์จนทำให้กิจการของคุณเติบโตและไปถึงเป้าหมายในที่สุด
หนึ่งในฟีเจอร์ที่เป็นกลยุทธ์ของ Loyalty Program ที่กระตุ้นให้เกิดกิจกรรมปฏิสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจและลูกค้าที่เป็นสมาชิกอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้เกิดการกลับมาซื้อซ้ำหรือใช้บริการอย่างต่อเนื่องนั่นก็คือ Membership Tiers นั่นเอง
Membership Tiers คือ การแบ่งระดับของสมาชิกที่เป็นลูกค้าของคุณออกเป็นกลุ่มต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันตามระดับของกลุ่มสมาชิกที่ลูกค้าอยู่ หากว่าลูกค้าอยู่ในกลุ่มสมาชิกที่ระดับสูงขึ้น ก็จะได้สิทธิพิเศษหรือของรางวัลที่มากขึ้นตามลำดับขั้นของกลุ่ม
การแบ่งระดับของสมาชิกเป็นการคำนึงถึงลูกค้าอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าใหม่ที่เพิ่งมาอุดหนุนเพียงไม่กี่ครั้ง หรือเป็นลูกค้าประจำที่กลับมาซื้ออย่างต่อเนื่อง
ซึ่ง Membership Tiers นั้นก็เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมในการแบ่งสิทธิประโยชน์ที่คู่ควรกับลูกค้ารายนั้นๆ เพราะหากมีเพียงระดับเดียวอาจจะไม่ตอบโจทย์ต่อลูกค้าที่มีความภักดีต่อแบรนด์ของคุณ
ในด้านจิตวิทยา เป็นเรื่องปกติที่ผู้คนมักจะเปรียบเทียบตนเองกับผู้คนรอบข้าง และเติมเต็มสิ่งที่ตัวเองยังขาด หรือต้องการที่จะไปอยู่จุดสูงสุด
Membership Tiers ก็เช่นกัน เพราะลูกค้าสามารถรู้ได้ว่าตนเองนั้นอยู่ในระดับใด และในระดับที่สูงขึ้นไปลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้างเพิ่มเติมจากเดิมที่ได้รับในระดับที่ตนเองอยู่ สิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นแรงผลักดันและแรงจูงใจให้ลูกค้ามีความต้องการที่จะไต่ระดับกลุ่มสมาชิกของตนเองให้สูงขึ้น เพื่อที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ที่สูงกว่าเดิม ไปจนถึงระดับที่สูงที่สุด
Rocket ก็มีวิธีการดีๆที่ช่วยให้คุณสามารถใช้งาน Membership Tiers มาแนะนำ
การแบ่งระดับสมาชิกนั้นต้องมีความชัดเจนในการแบ่งระดับ เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นถึงความแตกต่าง และความพิเศษของแต่ระดับ เช่น มีระดับเริ่มต้น ระดับกลาง และระดับสูง
เงื่อนไขในการเลื่อนระดับเองก็ต้องมีความชัดเจน และควรคำนึงถึงข้อเกี่ยวข้องต่างๆให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
การแบ่งระดับจากยอดใช้จ่ายสะสมของลูกค้าก็เป็นอีกหนึ่งวิธี เช่น ลูกค้าจะกลายเป็นระดับเริ่มต้นเมื่อมีการซื้อสินค้าหรือบริการเป็นครั้งแรก และเมื่อสะสมยอดซื้อถึง 10,000 บาทก็จะเลื่อนระดับเป็นระดับกลาง เมื่อสะสมยอดจนถึง 20,000 บาท ก็ได้เลื่อนเป็นระดับสูง นอกจากนับด้วยยอดใช้จ่ายสะสมก็ยังสามารถนับด้วยจำนวนครั้งที่ใช้บริการได้เช่นกัน หากธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจที่เน้นไปที่จำนวนครั้งในการใช้บริการ เช่น ร้านเสริมสวย หรือโรงแรม เป็นต้น
ทั้งนี้เงื่อนไขในการเลื่อนระดับควรมีความสมเหตุสมผล และไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ายากเกินไปในการเลื่อนระดับ และควรเอื้อหนุนให้ลูกค้าได้รับประโยชน์
นอกจากที่ลูกค้าจะได้สินค้าหรือบริการที่ตนเองต้องการ ก็ยังสามารถรับสิทธิประโยชน์ของระดับของตนเอง ช่วยให้เกิดความเต็มใจในการอุดหนุน และเพื่อไต่ระดับสมาชิกให้สูงขึ้น
ความพิเศษของแต่ละระดับนั้นจะต้องเหมาะสม และน่าดึงดูด เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าต้องการที่จะเลื่อนระดับให้สูงขึ้นไป เพื่อรับสิทธิประโยชน์ที่สูงมากขึ้น เช่น
หากลูกค้าที่อยู่ในระดับเริ่มต้น เมื่อซื้อของ 1 ชิ้น จะได้รับแต้มเพื่อแลกของรางวัลสะสมที่ 5 แต้ม แต่หากอยู่ในระดับกลางก็สามารถได้รับแต้มเพิ่มขึ้นจากระดับเริ่มต้นเป็น 7 แต้ม ต่อของ 1 ชิ้น และเมื่ออยู่ในระดับสูงสุดก็จะได้ 10 แต้ม ต่อสินค้า 1 ชิ้น
นอกจากนี้อาจจะมีช่วงโปรโมชั่นเฉพาะสำหรับลูกค้าในระดับกลางขึ้นไป เช่น หากท่านเป็นลูกค้าที่เป็นสมาชิกในกลุ่มระดับกลาง เมื่อซื้อสินค้า 2 ชิ้นจะได้รับส่วนลด 20% แต่หากอยู่ในระดับสูง จะได้รับส่วนลด 30% แต่สำหรับระดับเริ่มต้นก็อาจจะไม่ได้รับส่วนลด เป็นต้น
วิธีการเหล่านี้จะช่วยดึงดูดและกระตุ้นให้ลูกค้ามียอดจับจ่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อเลื่อนระดับให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะลูกค้ามีความต้องการที่จะรับสิทธิพิเศษที่มากขึ้น
Member Card จะช่วยให้ลูกค้ารู้ตัวว่าตนเองอยู่ในระดับใด และมีสิทธิประโยชน์อะไรบ้างอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน ในปัจจุบันบัตรสมาชิกไม่จำเป็นต้องเป็นแผ่นพลาสติกหรือกระดาษอีกต่อไป เพราะสามารถทำในรูปแบบออนไลน์ได้แล้ว นอกจากจะประหยัดต้นทุนของบัตร ยังง่ายต่อการบันทึกข้อมูลต่างๆ และสามารถแก้ไขข้อมูลได้ตลอดเวลาในทันที
ตัวบัตรก็สามารถออกแบบให้ตรงใจและเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ โดยอาจจะมีชื่อ-นามสกุลของสมาชิก หมายเลขสมาชิก เบอร์โทรศัพท์ วันหมดอายุของสมาชิก คะแนนสะสมล่าสุด และ QR Code เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานจริง เพราะตัวลูกค้าก็จะสามารถตรวจสอบสถานะของตนเองได้ง่าย และร้านค้าเองก็สะดวกในการบันทึกข้อมูล
อย่างที่ได้กล่าวไปว่าสมาชิกของแต่ละระดับจะได้รับสิทธิประโยชน์ สิทธิพิเศษที่แตกต่างกัน ดังนั้นการสื่อสารไปยังสมาชิกของแต่ละกลุ่ม ก็ควรที่จะแยกส่งข้อมูลต่างๆ หรือระบุให้ชัดเจนและตรงกับสมาชิกแต่ละระดับ เพื่อป้องกันความสับสนหรือเข้าใจผิด เช่น
เมื่อคุณจัดโปรโมชั่นลดราคาออกมา โดยสมาชิกแต่ละระดับได้รับส่วนลดที่แตกต่างกัน ในรูปภาพก็ควรจะแยกรายละเอียดของโปรโมชั่นของแต่ละระดับให้ชัดเจน หรือส่งรูปแยกแต่ละระดับเลยจะยิ่งดี เพียงแค่นี้ก็ลดโอกาสที่จะเกิดความสับสนหรือไม่เข้าใจลงได้
ธุรกิจใหญ่ๆมากมายก็ได้ใช้ Membership Tiers ในการทำการตลาด อาทิ
Bar B Q Plaza ที่มี ระบบสมาชิก GON Gang ที่สามารถสะสมยอดใช้จ่ายเพื่อเลื่อนระดับ โดยแบ่งเป็น
เห็นได้ชัดว่ายิ่งระดับสูงขึ้น สิทธิประโยชน์ก็จะมีมากยิ่งขึ้น นี่จึงเป็นแรงจูงใจที่ดีในการกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมากินซ้ำๆ เพื่อให้ได้ส่วนลดที่มากขึ้นนั่นเอง
Rocket หวังว่าธุรกิจหรือร้านค้าของคุณ จะนำ Membership Tiers ที่เป็นฟีเจอร์ใน Loyalty Program ไปใช้งาน ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจของคุณเพื่อให้ลูกค้ากลับมาใช้จ่ายซ้ำจนกลายมาเป็นลูกค้าประจำ และพาธุรกิจของคุณพุ่งทะลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
หากท่านสนใจการนำ Membership Tiers ไปกระตุ้นยอดขายให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ Rocket ของเราก็มี Rocket Loyalty Hub ระบบสะสมแต้มสุดล้ำ ที่มีฟีเจอร์แบ่งระดับสมาชิก ที่ท่านสามารถปรับแต่งได้อย่างไม่จำกัดเพื่อตอบโจทย์ให้ตรงตามความต้องการของธุรกิจคุณ
รายละเอียด Rocket Loyalty Hub: https://www.rocket.in.th/loyalt-crm/
Contact us now