Remarketing คืออะไร ทำไมถึงสำคัญกับธุรกิจในยุคดิจิทัล

Remarketing คืออะไร ทำไมถึงสำคัญกับธุรกิจในยุคดิจิทัล

remarketing

28 ธันวาคม, 2022

หลายครั้งหลายหนที่เลือกสินค้าหรือบริการที่สนใจ แต่ยังไม่ได้ซื้อ อาจจะนำไปใส่ไว้ในรถเข็น หรือกดไลก์ กดถูกใจเอาไว้ แต่เมื่อคุณไปยังเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มอื่นก็มักจะเห็นสินค้าดังกล่าวแสดงขึ้นมาให้เห็น เหมือนเป็นการย้ำเตือน หรือกระตุ้นให้มีการกลับไปซื้อสิ่งที่ค้างคาไว้ในรถเข็นให้เสร็จ นี่คือหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน นั่นก็คือ Remarketing นั่นเอง


ยาวไปไม่อ่าน คลิ๊กเลย hide

Remarketing คืออะไร

Remarketing คือ การทำแอดหรือโฆษณาเพื่อให้ติดตามลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายที่เคยเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือได้เคยใช้งานแอปพลิเคชั่นของคุณเอง โดยเหล่านักการตลาดหรือเจ้าของกิจการจะต้องให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มนี้เป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้จะยังไม่ได้มีการซื้อสินค้า แต่ก็เป็นลูกค้าที่มีโอกาสสูงลิบๆในการซื้อสินค้าของคุณ

Google Remarketing คืออะไร

Google ก็มีเครื่องมือที่ใช้ทำ Remarketing เรียกว่า Google Adsense เป็นการทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นตัวกลางในการ Remarketing ซึ่งทาง Google จะได้รับค่าโฆษณาแบบ CPC หรือ Cost Per Click จากเราไป โดยคุฯต้องไปสมัครกับ Google เพื่อนำเอาโค้ดที่คอยติดตามลูกค้ามาติดตั้งบนเว็บไซต์ของคุณ ในรูปแบบ Google Display Network หรือ YouTube นั่นเอง

Facebook Remarketing คืออะไร

Facebook เป็นหนึ่งในโซเชี่ยลมีเดียที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง มีบัญชีผู้ใช้งานมากมายทั่วโลก และ Facebook ก็มีระบบในการทำ Remarketing ด้วยระบบ Custom Audience ที่สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายจากพฤติกรรมต่างๆ ทั้งการกดไลก์ การส่งข้อความ การกดดูโฆษณาหรือแอดต่างๆ ทำให้สามารถทำ Remarketing ได้แม่นยำมากขึ้น


ตัวอย่างของการทำ Remarketing

ตัวอย่าง remarketing

ตัวอย่างของการ Remarketing มีดังนี้

1. แบ่งจากพฤติกรรมของคนที่เข้าเว็บไซต์

•   ทุกคนที่เข้าเว็บไซต์

•   คนที่เข้าไปดูหมวดของสินค้า

•   คนที่มีแนวโน้มว่าจะซื้อ เช่น กดปุ่มสั่งซื้อ สมัครสมาชิก อ่านรายละเอียดสินค้า

2. แบ่งจาก Traffic Source 

•   คนที่เข้ามาผ่าน Google

•   คนที่เข้าผ่าน Facebook

•   คนที่เข้าผ่านเว็บไซต์ Affiliates 

3. แบ่งจากข้อมูลของกลุ่มเป้าหมาย

•   แบ่งตามพื้นที่ของกลุ่มเป้าหมาย

•   แบ่งตาม เพศ และ อายุ

•   แบ่งตามอุปกรณ์ที่ใช้งาน เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์

•   แบ่งตามความสนใจ


Remarketing กับ Marketing Funnel

การ Remarketing นั้นอยู่ในขั้นตอนของ Marketing Funnel ที่สำคัญเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ การตัดสินใจซื้อ หรือ Conversion นั่นเอง โดยขั้นตอนนี้คือขั้นตอนที่ต่อเนื่องจากการรับรู้และการพิจารณาเลือกซื้อ ทำให้ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายเกิดการตัดสินใจซื้อจริงๆ การทำ Remarketing ก็คือการย้ำ การขยี้ การตอกลงไปในใจของลูกค้าว่าสินค้าหรือบริการนี้ที่คุณกำลังสนใจอยู่ รอให้คุณซื้อและจับจองอยู่ ให้รีบมาซื้อให้จบสินกระบวนการนั่นเอง 

เพราะฉะนั้นหากคุณจะทำ Marketing Funnel ก็อย่าได้ลืมการทำ Remarketing ลงไปใน Funnel ด้วย เพื่อให้เกิดการ Conversion ที่ง่ายมากขึ้นของลูกค้านั่นเอง


ความสำคัญของ Remarketing 

ความสำคัญ remarketing

Remarketing เป็นอีกวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์หรือธุรกิจของคุณนั่นเอง กล่าวคือ ความสำคัญของการทำ Remarketing จะส่งผลดีต่อแบรนด์หรือธุรกิจของคุณเพราะประโยชน์เหล่านี้

•   Remarketing เป็นเทคนิคและกลยุทธ์ที่คุ้มค่าสำหรับการลงทุน

•   Remarketing จะช่วยให้สามารถติดต่อกับกลุ่มเป้าหมายได้เสมอ

•   Remarketing ให้ผลตอบแทนจากการลงทุน หรือ ROI ที่สูงมากยิ่งขึ้น

•   Remarketing นั้นช่วยปรับปรุงความเกี่ยวข้องของแอดหรือโฆษณา มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจง และทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้

จากประโยชน์เหล่านี้ จึงทำให้บริษัทต่างๆนำการ Remarketing มาใช้แพร่หลาย ช่วยเพิ่มยอดขายได้ดี


ประโยชน์ของ Remarketing 

ประโยชน์ของ Remarketing ได้แก่

1. สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ที่รับชม

การทำ Remarketing จะติดตามกลุ่มเป้าหมายไปตลอด กระทั่งการเข้าเว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มต่างๆในการเปรียบเทียบ ท่านจึงสามารถนำโฆษณาติดตามตัวของลูกค้าไปได้ด้วย เพื่อโปรโมทสินค้าหรือบริการของคุณ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างการมีส่วนร่วม และได้รับข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า ทำให้สามารถทำ Remarketing ให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคนได้

2. เป็นตัวเลือกแรกของกลุ่มเป้าหมาย

แน่นอนว่าการที่จะไปอยู่ในใจของกลุ่มเป้าหมายหรือแม้แต่ลูกค้านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิงการต้องเป็นตัวเลือกแรกในการตัดสินใจซื้อยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่การ Remarketing จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายที่สนใจในสินค้าหรือบริการของคุณสามารถเห็นโฆษณาของแบรนด์คุณได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นและสร้างการจดจำในแบรนด์ของคุณ และหากกลุ่มเป้าหมายต้องการซื้อสินค้าหรือบริการ ก็จะต้องคิดถึงแบรนด์ของคุณเป็นตัวเลือกแรกแน่นอน

3. ดึงดูดลูกค้าจากคู่แข่ง

หนึ่งในจุดแข็งอีกหนึ่งอย่างของการทำ Remarketing ก็คือการดึงดูดลูกค้าจากคู่แข่ง เพราะโฆษณาของแบรนด์คุณจะแสดงบนเบราว์เซอร์ของลูกค้าหลังจากที่พวกเขาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณหรือคู่แข่ง หรือแม้แต่การค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณหรือคู่แข่ง ก็สามารถกำหนดได้ว่าเป้าหมายเป็นผู้ชมที่เคยเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ทั้งของคุณและคู่แข่งนั่นเอง

4. เพิ่มการรับรู้ให้แก่แบรนด์

มากกว่า 42% ของแบรนด์ ได้ใช้การ Remarketing ในการสร้างการรับรู้ และทำให้ผู้คนเกิดการจดจำแบรนด์ ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย เช่น การตอกย้ำหรือกระตุ้นสินค้าของคุณที่ลูกค้าสนใจและได้ใส่เอาไว้ในรถเข็น ส่งผลให้ลูกค้าต้องพบเจอกับสินค้าของคุณทั้งใน Facebook Google และเว็บไซต์ต่างๆ เป็นต้น

5. เพิ่มการเข้าถึงเว็บไซต์

การ Remarketing จะช่วยเพิ่มโอกาส และดึงดูดผู้เข้าชมให้เข้าสู่เว็บไซต์ของคุณ ด้วยการแสดงโฆษณาในช่องทางต่างๆ ทำให้ผู้คนที่สนใจกดเข้าเว็บไซต์เยอะมากขึ้น เพราะว่าก่อนที่กลุ่มเป้าหมายจะตัดสินใจซื้อนั้น ต้องมีการดูข้อมูลเดิมๆซ้ำๆเพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ


วิธีการทำ Remarketing

วิธีการทำ remarketing

วิธีการทำ Remarketing มีขั้นตอนดังนี้

1. กำหนดกลุ่มเป้าหมาย

กำหนดกลุ่มเป้าหมายเพื่อทำ Remarketing เป็นสิ่งสำคัญอย่างที่สุด และควรทำให้ลึกมากที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพดีมากที่สุด และเพื่อให้เข้าใจ Customer Journey ของลูกค้านั่นเอง โดยแบ่งการจัดกลุ่มได้ดังนี้

•   จัดกลุ่มจากคนที่เคยสนใจสินค้าหรือบริการ: กลุ่มคนที่เคยสนใจสินค้าหรือบริการคือกลุ่มคนที่สมควรจะได้รับการกระตุ้นเป็นอย่างมาก เพราะมีความสนใจในสินค้าหรือบริการอยู่แล้ว โอกาสซื้อจึงสูง

•   จัดกลุ่มจาก Pain Point: ลูกค้าแต่ละคนเจอปัญหาที่แตกต่างกัน ทำให้การทำ Content ออกไปก็ไม่ใช่ว่าลูกค้าแต่ละคนจะสนใจ Content ดังกล่าวเหมือนกัน เนื่องด้วยประสบการณ์และปัญหาที่เจอนั้นแตกต่างกันออกไป 

•   จัดกลุ่มจากความรู้ความเข้าใจ: การรับรู้ Content ของแต่ละคนไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นการเลือกกลุ่มเป้าหมายจากผู้ที่เสพคอนเทนต์อย่างลึกซึ้ง ส่งผลให้มีโอกาสในการทำ Remarketing ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีนั่นเอง

2. การเข้าใจ Customer Journey

การเข้าใจใน Customer Journey ของลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะต้องเข้าใจลูกค้าในแต่ละขั้นตอนตั้งแต่ก่อนการตัดสินใจซื้อ ไปจนถึงหลังการขาย เพราะในแต่ละขั้นตอนนั้นลูกค้าเองก็จะมีความต้องการและพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไป ทำให้แบรนด์ต้องมีการสนองต่อความต้องการของลูกค้า ที่ปรับไปตามขั้นตอนต่างๆ จนถึงปลายทางที่ต้องการ การเก็บข้อมูลเหล่านี้อาจจะต้องใช้เครื่องมือทางการตลาดหรือ Martech ต่างๆมาช่วยเหลือ เช่น ระบบสมาชิก ระบบสะสมแต้ม โปรแกรม POS ระบบ CRM เป็นต้น

3. ดีไซน์ Content ให้เหมาะสม

เมื่อเกิดความเข้าใจในแต่ละขั้นตอนของ Customer Journey ของลูกค้าแล้ว การออกแบบหรือดีไซน์ Content ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ตามมา เนื่องด้วยต้องผลิตคอนเทนต์ออกมาให้ตอบโจทย์และสนองกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละขั้นตอนให้เหมาะสมและดึงดูด ตาามาด้วยมีการติดตามและวัดผล เพื่อให้สามารถปรับปรุงต่อได้ในอนาคตเพื่อให้การ Remarketing ออกมาดีที่สุด

4. ส่งออกไปให้ถูกช่องทาง

ปัจจุบันการทำ Remarketing สามารถเลือกถ่ายทอดหรือส่งออกไปได้หลายช่องทาง และเมื่อคุณมี Content ที่เหมาะสมแล้ว ก็ควรที่จะนำคอนเทนต์เหล่านี้ไปใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และยังคงตอบโจทย์กับการสร้างคอนเทนต์ขึ้นมา การเข้าถึงผู้คนหรือกลุ่มเป้าหมายผ่านแพลตฟอร์มหรือช่องทางต่างๆจำเป็นต้องเลือกให้ดีและรอบคอบ


การวัดผลการทำ Remarketing

การวัดผลสำเร็จในการ Remarketing นั้นสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับการตั้งเป้าหมายของแคมเปญในการ Remarketing ของคุณ และต่อไปนี้คือเมตริกบางส่วนที่สามารถบ่งชี้ประสิทธิภาพ หรือ KPI สำหรับการ Remarketing การ Remarketing ของคุณอาจจะไม่เน้นไปที่การกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้าหรือบริการในทันที แต่ควรให้ผู้ชมมีส่วนร่วมและนึกถึงแบรนด์ของคุณ โดยสามารถพิจารณาได้ตามเมตริกต่อไปนี้

•   การเข้าเยี่ยมชมหน้าเว็บไซต์: มีผู้ชมกี่คน 

•   การเปิดดูอีเมล: ผู้รับเมลได้เปิดอ่านหรือไม่

•   อัตราในการคลิกไปสู่หน้าอื่น: ผู้เข้าขมเว็บไซต์นั้นได้มีการคลิกเข้าไปสู่หน้าอื่นๆต่อหรือไม่

เหล่านี้คือการวัดผลในการทำ Remarketing อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถปรับปรุงแก้ไขกลยุทธ์กับแคมเปญต่อไปในอนาคตนั่นเอง


สรุปเกี่ยวกับ Remarketing

remarketing คือ

การ Remarketing เป็นการทำให้คนที่มีโอกาสเป็นลูกค้ากลายมาเป็นลูกค้าให้ได้ ด้วยการโฆษณาหรือยิงแอดผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่างๆ และต้องมีการวัดผลลัพธ์ของการ Remarketing ด้วย การทำ Remarketing จะช่วยให้เพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ และการเพิ่มยอดขายได้นั่นเอง

ถ้าหากคุณสนใจทำ Remarketing แต่ไม่รู้จะต้องเริ่มอย่างไร หรือปรึกษาใครดี ก็สามารถให้ Rocket ของเราช่วยเหลือได้ เพราะพวกเรา รับทำการตลาดออนไลน์ และ รับยิงแอด โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญการตลาดโดยเฉพาะ สามารถปรึกษาการตลาดกับพวกเราได้ตลอดเวลาทุกช่องทาง


เรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Remarketing

•   Lookalike Audience  เป็นกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายคลึงกัน อธิบายได้ว่า เป็นกลุ่มคนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นอายุ ที่อยู่ ไลฟ์สไตล์ ความชอบ กิจกรรมยามว่าง และความสนใจเป็นต้น คนเหล่านี้มักจะมีแนวโน้มที่จะสนใจสินค้าหรือบริการแบบเดียวกันนั่นเอง

•   CPC หรือ Cost per Click แปลเป็นไทยก็คือ ต้นทุนต่อคลิก กล่าวคือ เป็นจำนวนเงินที่ต้องชำระให้กับแพลตฟอร์มที่คุณลงโฆษณา โดยสามารถกำหนดค่าใช้จ่ายได้เองต่อคลิก สามารถลงเงินมากกว่าผู้ลงโฆษณารายอื่นๆที่ทำธุรกิจแข่งกับคุณได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่โฆษณาด้วย สิ่งนี้สามารถช่วยชี้วัดการมองเห็นโฆษณาของคุณได้ด้วย

•   Retargeting เป็นการทำให้ คนที่มีโอกาสเป็นลูกค้า กลายมาเป็น ลูกค้า ให้ได้เยอะที่สุด ผ่านการโฆษณาหรือยิงแอดผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่สนใจหรือเคยสนใจในสินค้าหรือบริการมีโอกาสเห็นแบรนด์รวมไปถึงสินค้าหรือบริการของคุณอีกครั้ง


shapeshapeshape

ลงทะเบียน รับคำปรึกษาฟรี!

รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Martech และ Business Transformation

Rocket BLOG

MarTech knowledge to help you stay ahead of the curve.

pet-shop-crm

5 เคล็ดลับช่วยเพิ่มยอดขายให้แบรนด์ Pet Shop ด้วย Loyalty CRM

เราจะมาดูกันว่าการนำ Loyalty CRM ไปใช้สามารถช่วยแบรนด์ Pet Shop ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร

#MARKETING
crm-ร้าน-วัสดุ-ก่อสร้าง

5 เคล็ดลับช่วยแบรนด์อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างเพิ่มยอดขายด้วยระบบ CRM

CRM 4.0 หรือ Loyalty CRM คืออะไร เหตุใดจึงมีความสำคัญต่อ แบรนด์ใน ร้านวัสดุก่อสร้าง และจะเลือกแพลตฟอ…

#MARKETING
crm-อุตสาหกรรมอาหาร

เลือกระบบ CRM สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร (Food and Beverage) อย่างไรดี?

CRM 4.0 และ Loyalty CRM คืออะไร เหตุใดจึงมีความสำคัญต่อ อุตสาหกรรมอาหาร (Food and Beverage) และจะเลื…

#MARKETING

LINE

Call

Free trial

test

Contact

Contact us now

test

✓ Valid number ✕ Invalid number
This field is for validation purposes and should be left unchanged.

Stronger loyalty, through smarter engagement