Customer Loyalty รวมเทคนิคกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำที่แบรนด์ต้องรู้

เทคนิคกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำด้วย Customer Loyalty

customer-loyalty

23 กันยายน, 2024

การมีกลยุทธ์สร้าง Customer Loyalty ที่แข็งแกร่งสามารถช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จได้อย่างมาก ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะลองสินค้าใหม่ของคุณมากขึ้น 50% และใช้จ่ายมากกว่าลูกค้าใหม่ 31% ในทางกลับกัน การหาลูกค้าใหม่มีค่าใช้จ่ายมากกว่าการรักษาลูกค้าปัจจุบันถึงหกถึงเจ็ดเท่า ไม่ว่าคุณจะมีโปรแกรมสร้างความภักดีของลูกค้าที่กระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาและทำธุรกิจกับคุณมากขึ้นหรือไม่ สถิติข้างต้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความสำคัญและผลกระทบของกลยุทธ์สร้าง Customer Loyalty ที่ประสบความสำเร็จ ในคู่มือนี้ คุณจะค้นพบทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับความภักดีของลูกค้าและวิธีสร้างโปรแกรมสร้างความภักดีของลูกค้าที่ประสบความสำเร็จ


สารบัญบทความ hide

Customer Loyalty คืออะไร

ความภักดีของลูกค้าหมายถึงความมุ่งมั่นของลูกค้าที่จะเลือกผลิตภัณฑ์หรือบริการของแบรนด์อย่างต่อเนื่องมากกว่าคู่แข่ง ไม่ใช่แค่การซื้อซ้ำ แต่เป็นการเชื่อมต่อทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นซึ่งลูกค้าสร้างขึ้นกับแบรนด์เนื่องจากประสบการณ์เชิงบวกและคุณค่าที่รับรู้ ความภักดีนี้มักนำไปสู่การที่ลูกค้าสนับสนุนแบรนด์ แนะนำให้ผู้อื่นรู้จัก ซึ่งจะช่วยเพิ่มชื่อเสียงและฐานลูกค้าของบริษัท

ตัวอย่างเช่น ความภักดีของลูกค้าที่แข็งแกร่งของ Apple เกิดจากความสามารถในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ สร้างความผูกพันทางอารมณ์กับลูกค้าที่เหนือกว่าการใช้งาน การเชื่อมต่อนี้ส่งผลให้ผู้ใช้ไม่เพียงแต่ซื้อผลิตภัณฑ์ Apple เพิ่มเติมเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมแบรนด์ให้ผู้อื่นอย่างกระตือรือร้นอีกด้วย


Customer Loyalty มีกี่ประเภท

type-of-customer-loyalty

Hard-Core Brand Loyalty (รักแบรนด์เดียวเท่านั้น)

ลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์แบบ Hard-core มุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งต่อแบรนด์เดียวและปฏิเสธที่จะเปลี่ยนแม้ว่าจะมีทางเลือกอื่นก็ตาม ลูกค้าเหล่านี้มักจะเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์ที่เผยแพร่คำพูดเชิงบวก ตัวอย่างเช่น แฟนๆ ของ Coca-Cola เป็นที่รู้จักจากความภักดีที่ไม่เปลี่ยนแปลง แทบไม่เคยพิจารณาแบรนด์คู่แข่งอย่าง Pepsi

Split Loyal Customers (รักมากกว่า 1 แบรนด์)

ลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์หลายแบรนด์มีความภักดีต่อสองแบรนด์ขึ้นไป พวกเขามักจะเลือกระหว่างแบรนด์เหล่านี้ตามความพร้อมใช้งาน โปรโมชั่น หรือความชอบตามสถานการณ์ ตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคที่สลับไปมาระหว่าง Nike และ Adidas สำหรับชุดกีฬาของพวกเขา ซึ่งชื่นชมคุณภาพของทั้งสองแบรนด์

Shifting Loyal Customers (พร้อมเปลี่ยนใจไปหาอีกแบรนด์เสมอ)

ลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปจะเปลี่ยนความภักดีจากแบรนด์หนึ่งไปยังอีกแบรนด์หนึ่งเมื่อเวลาผ่านไป การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงราคา การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือคุณภาพของแบรนด์ลดลง ตัวอย่างเช่น ลูกค้าอาจเปลี่ยนจากผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายหนึ่งไปยังอีกรายหนึ่งหากมีสัญญาณที่ดีกว่าหรืออัตราที่น่าสนใจกว่า

Switching Customers (แบรนด์ไหนก็ได้ไม่ยึดติด)

ลูกค้าที่เปลี่ยนใจง่ายจะไม่ภักดีต่อแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งและมักจะเปลี่ยนความชอบตามความสะดวก ราคา หรือข้อเสนอต่างๆ ตัวอย่างทั่วไปคือผู้บริโภคในอุตสาหกรรมอาหารจานด่วนที่เลือกระหว่าง McDonald’s, Burger King หรือ Wendy’s ตามสถานที่ตั้งและโปรโมชั่นปัจจุบัน

Need-Based Loyal Customers (เลือกแบรนด์ตามสะดวก)

ลูกค้าเหล่านี้จะภักดีต่อแบรนด์ก็ต่อเมื่อพวกเขาต้องการผลิตภัณฑ์หรือบริการเฉพาะ ความภักดีของพวกเขาขับเคลื่อนด้วยความจำเป็นมากกว่าความผูกพันทางอารมณ์ ตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคอาจซื้ออุปกรณ์ตั้งแคมป์จากแบรนด์เฉพาะ เช่น REI เนื่องจากมีชื่อเสียงที่เชื่อถือได้สำหรับอุปกรณ์กลางแจ้ง แต่พวกเขาจะไม่ซื้อจากพวกเขาสำหรับความต้องการอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง

ประเภทของ Martech


ทำไมการสร้าง Customer Loyalty ถึงสำคัญ

การตัดสินใจซื้อสูงกว่าลูกค้าใหม่

ตัดสินใจซื้อได้เร็วกว่าลูกค้าใหม่ ลูกค้าที่ภักดีไว้วางใจแบรนด์ ทำให้การตัดสินใจซื้อของพวกเขาเร็วกว่าลูกค้าใหม่ พวกเขารู้จักคุณภาพและคุณค่าที่แบรนด์มอบให้แล้ว ซึ่งช่วยลดเวลาที่ใช้ในการค้นคว้าหรือเปรียบเทียบ ตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่ภักดีต่อร้านค้าปลีกแฟชั่นออนไลน์จะซื้อจากคอลเลกชันใหม่ของพวกเขาอย่างรวดเร็ว โดยรู้ว่าพวกเขามีประสบการณ์เชิงบวกในอดีต

มักจ่ายมากกว่าลูกค้าใหม่

ปริมาณการซื้อสูงกว่าลูกค้าใหม่ ลูกค้าที่ภักดีมักจะซื้อบ่อยขึ้นและในปริมาณที่มากกว่าลูกค้าใหม่ พวกเขารู้สึกมั่นใจในแบรนด์และมีแนวโน้มที่จะสำรวจผลิตภัณฑ์หรือบริการเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น สมาชิก Amazon Prime เป็นที่ทราบกันดีว่าใช้จ่ายมากกว่าผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกเนื่องจากความไว้วางใจและสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับบริการ

ค่าใช้จ่ายในการรักษาลูกค้าเก่าถูกกว่าการหาลูกค้าใหม่

ต้นทุนการได้มาต่ำกว่า การได้มาซึ่งลูกค้าใหม่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรักษาลูกค้าเดิมอย่างมาก ลูกค้าที่ภักดีคุ้นเคยกับแบรนด์อยู่แล้ว จึงช่วยลดความจำเป็นในการทำการตลาดอย่างกว้างขวาง การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการได้ลูกค้าใหม่มีค่าใช้จ่ายมากกว่าการรักษาลูกค้าเดิมถึงห้าเท่า

ช่วยวางแผนการตลาดล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ช่วยวางแผนการตลาดล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อแบรนด์มีฐานลูกค้าที่ภักดี ก็สามารถคาดการณ์ยอดขายได้แม่นยำยิ่งขึ้นและวางแผนแคมเปญการตลาดได้แม่นยำยิ่งขึ้น ลูกค้าที่ภักดีตอบสนองต่อโปรโมชั่นที่ตรงเป้าหมายได้ดีกว่า และพฤติกรรมการซื้อของพวกเขาก็คาดเดาได้มากกว่า ตัวอย่างเช่น Starbucks ใช้ข้อมูลความภักดีของลูกค้าเพื่อปรับแต่งโปรโมชั่นตามฤดูกาลและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าประจำ


วิธีมัดใจลูกค้าด้วยการใช้ Customer Loyalty 

how-to-build-customer-loyalty

ทำความรู้จักลูกค้าของคุณ

ทำความรู้จักลูกค้าของคุณ: การทำความเข้าใจความชอบ ความต้องการ และจุดอ่อนของลูกค้าช่วยให้แบรนด์สามารถมอบประสบการณ์ส่วนบุคคลได้ ใช้ข้อมูลและความคิดเห็นของลูกค้าเพื่อสร้างแคมเปญการตลาดที่เหมาะกับแต่ละบุคคล ตัวอย่างที่ดีคือระบบการแนะนำของ Netflix ซึ่งคัดสรรเนื้อหาตามพฤติกรรมการรับชมของแต่ละบุคคล ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าเข้าใจ

ให้ความสำคัญกับจุดแข็งของธุรกิจ

มุ่งเน้นไปที่จุดแข็งทางธุรกิจของคุณ: ลูกค้าจะยังคงภักดีเมื่อพวกเขาเห็นคุณค่าในสิ่งที่คุณนำเสนอ มุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ทำให้แบรนด์ของคุณแตกต่างจากคู่แข่งและเน้นย้ำในด้านการตลาดของคุณ ตัวอย่างเช่น Patagonia เจริญเติบโตจากพันธกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดึงดูดลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน

สร้างสายสัมพันธ์กับลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย

สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย: การมีส่วนร่วมกับลูกค้าบนโซเชียลมีเดียช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ตอบกลับความคิดเห็น เสนอการสนับสนุน และแบ่งปันเนื้อหาเบื้องหลัง แบรนด์อย่าง Wendy’s เชี่ยวชาญเรื่องนี้ โดยใช้มุกตลกและการตอบกลับอย่างรวดเร็วบน Twitter เพื่อดึงดูดผู้ติดตามและสร้างความสัมพันธ์กับแบรนด์

มอบของขวัญให้ลูกค้าปัจจุบัน

มอบของขวัญให้กับลูกค้าปัจจุบัน: การมอบรางวัลหรือของขวัญให้กับลูกค้าที่ภักดีช่วยส่งเสริมความรู้สึกขอบคุณและเสริมสร้างความภักดีของพวกเขา ตัวอย่างเช่น โปรแกรม Beauty Insider ของ Sephora มอบสิทธิพิเศษและผลิตภัณฑ์ฟรี ซึ่งทำให้ฐานลูกค้ามีส่วนร่วมและพึงพอใจ

ใช้กลยุทธ์ Referral Marketing

ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบอ้างอิง: กระตุ้นให้ลูกค้าปัจจุบันของคุณแนะนำแบรนด์ของคุณให้ผู้อื่นทราบผ่านโปรแกรมการอ้างอิง ระบบการอ้างอิงของ Dropbox ซึ่งให้รางวัลแก่ผู้ใช้ด้วยพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการแนะนำเพื่อน ช่วยให้บริษัทขยายฐานผู้ใช้อย่างรวดเร็วในขณะเดียวกันก็เสริมสร้างความภักดีในหมู่ลูกค้าเดิม

ขอ Feedback จากลูกค้า

ขอความคิดเห็นจากลูกค้า: ขอความคิดเห็นจากลูกค้าเป็นประจำเพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ นี่แสดงให้เห็นว่าคุณให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของพวกเขาและมุ่งมั่นที่จะยกระดับประสบการณ์ของพวกเขา แบรนด์อย่าง Zappos เก่งในด้านนี้ โดยใช้ความคิดเห็นของลูกค้าเพื่อปรับแต่งข้อเสนอและสร้างความพึงพอใจ


วิธีสร้าง Loyalty Customer เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ

วิธีสร้างลูกค้าประจำเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ การสร้าง customer loyalty คือสิ่งสำคัญในการสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาว เมื่อบริษัทสามารถรักษาลูกค้าที่ภักดีได้สำเร็จ ก็จะสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงและลดการพึ่งพาการหาลูกค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ต่อไปนี้คือกลยุทธ์ที่ธุรกิจสามารถนำไปใช้เพื่อส่งเสริมความภักดีและผลักดันความยั่งยืน

นำรีวิวมาสร้างแรงกระตุ้นการซื้อ

ใช้รีวิวเพื่อสร้างแรงจูงใจในการซื้อ บทวิจารณ์ของลูกค้ามีบทบาทสำคัญในการมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ การส่งเสริมให้ลูกค้าที่พึงพอใจแสดงความคิดเห็นในเชิงบวกสามารถกระตุ้นให้ลูกค้าใหม่ไว้วางใจแบรนด์ของคุณและทำการซื้อ ตามที่ BrightLocal ระบุว่า 84% ของผู้คนเชื่อถือบทวิจารณ์ออนไลน์มากพอๆ กับคำแนะนำส่วนตัว ตัวอย่างเช่น Amazon แสดงความคิดเห็นของลูกค้าอย่างเด่นชัดเพื่อช่วยให้ผู้ซื้อรายใหม่รู้สึกมั่นใจในการเลือกซื้อ ซึ่งเป็นการตอกย้ำชื่อเสียงของบริษัทในด้านความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีการรีวิวเพิ่มเติม ธุรกิจต่างๆ สามารถเสนอรางวัลหรือส่วนลดให้กับลูกค้าที่สละเวลาแสดงความคิดเห็น วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างบทวิจารณ์มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความภักดีของลูกค้าโดยแสดงให้เห็นว่าแบรนด์ให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของพวกเขา

สร้างความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและแบรนด์

สร้างความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและแบรนด์ การสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างลูกค้าและแบรนด์เป็นกุญแจสำคัญในการส่งเสริมความภักดี สิ่งนี้สามารถทำได้ผ่านการตลาดส่วนบุคคล การสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง หรือการนำเสนอประสบการณ์พิเศษ Starbucks ประสบความสำเร็จในด้านนี้โดยใช้โปรแกรม Starbucks Rewards เพื่อสร้างประสบการณ์ส่วนตัว มอบเครื่องดื่มวันเกิดฟรีให้กับลูกค้า เข้าถึงโปรโมชั่นก่อนใคร และคำแนะนำส่วนบุคคลตามการซื้อที่ผ่านมา การโต้ตอบกับลูกค้าเป็นประจำผ่านทางอีเมล โซเชียลมีเดีย หรือประสบการณ์ในร้านค้าช่วยหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์นี้ ทำให้ลูกค้ารู้สึกมีค่าและเข้าใจ โดยมุ่งเน้นที่การสร้างความสัมพันธ์ แบรนด์ต่างๆ สามารถเปลี่ยนผู้ซื้อครั้งเดียวให้กลายเป็นลูกค้าประจำที่ลงทุนทางอารมณ์ในความสำเร็จของแบรนด์ได้

ใช้การตลาดแบบปากต่อปาก

ใช้การตลาดแบบปากต่อปาก การตลาดแบบปากต่อปากยังคงเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการสร้างลูกค้าที่ภักดี เมื่อลูกค้าปัจจุบันแบ่งปันประสบการณ์เชิงบวกกับแบรนด์ของคุณ จะช่วยสร้างความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือในหมู่ลูกค้าเป้าหมาย แบรนด์ต่างๆ สามารถส่งเสริมการตลาดแบบปากต่อปากได้โดยการสร้างช่วงเวลาที่แบ่งปันได้ เช่น บรรจุภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใคร ประสบการณ์ที่น่าจดจำ หรือการเสนอสิ่งจูงใจในการแนะนำ ตัวอย่างเช่น Tesla ใช้การตลาดแบบปากต่อปากเพื่อขยายแบรนด์โดยมีการโฆษณาน้อยที่สุด ลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์ Tesla ของตนกระตือรือร้นที่จะแบ่งปันประสบการณ์ของพวกเขากับผู้อื่น ซึ่งช่วยให้แบรนด์สร้างชุมชนที่แข็งแกร่งของผู้สนับสนุนที่ภักดี

รับฟังความคิดเห็นของลูกค้าและปรับปรุงสินค้าอยู่เสมอ

ฟังความคิดเห็นของลูกค้าและปรับปรุงผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาความภักดีของลูกค้า ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องรับฟังลูกค้าอย่างแข็งขันและทำการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าชื่นชมแบรนด์ที่ตอบสนองความต้องการของพวกเขาและเต็มใจปรับตัวตามความคิดเห็น ตัวอย่างเช่น Apple รวบรวมความคิดเห็นของลูกค้าบ่อยครั้งเพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของตน และความเต็มใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ทำให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้าในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี การเสนอแบบสำรวจหรือการขอความคิดเห็นโดยตรงผ่านโซเชียลมีเดียและช่องทางการสนับสนุนช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ได้รับข้อมูลเชิงลึกว่าลูกค้าชอบหรือไม่ชอบอะไร สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นว่าแบรนด์มุ่งมั่นที่จะส่งมอบคุณค่า

ให้บริการที่ดีอย่างสม่ำเสมอ

ให้บริการที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ความสม่ำเสมอในการให้บริการเป็นปัจจัยพื้นฐานในการสร้างความภักดีของลูกค้า หากลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีกับแบรนด์ของคุณทุกครั้งที่พวกเขาโต้ตอบ พวกเขามีแนวโน้มที่จะกลับมา Zappos เป็นตัวอย่างที่สำคัญของบริษัทที่สร้างแบรนด์โดยให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ เสนอการจัดส่งและการคืนสินค้าฟรี รวมถึงการสนับสนุนลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ไม่ว่าจะผ่านช่องทางออนไลน์ ในร้านค้า หรือผ่านฝ่ายบริการลูกค้า ความสม่ำเสมอของคุณภาพการโต้ตอบจะช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างแบรนด์และลูกค้า ความสม่ำเสมอนี้สร้างความรู้สึกไว้วางใจ ทำให้ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะเลือกแบรนด์ของคุณมากกว่าคู่แข่ง

ประเภทของ Martech


Customer Loyalty in Marketing

การสร้างความภักดีของลูกค้าควรเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกเมื่อสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดของแบรนด์ เนื่องจากลูกค้าที่ภักดีคือลูกค้าที่มีความสุข ความภักดีของลูกค้าจะช่วยในการรักษาลูกค้าด้วย ต่อไปนี้คือประโยชน์เพิ่มเติมบางประการที่การตลาดเพื่อสร้างความภักดีของลูกค้ามีให้


วิธีรักษา Customer Loyalty

เลือก Loyalty Program ที่แสดงความขอบคุณลูกค้าจริงๆ

หากลองคิดดูอีกที Loyalty Program ของลูกค้าอาจดูเหมือนเป็นเพียงแผนการที่จะทำให้ลูกค้าใช้จ่ายเงินมากขึ้นนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม Loyalty Program ที่มีจรองใจอย่างแท้จริงนั้นโดดเด่นกว่าโปรแกรมอื่นๆ หาก Loyalty Program ของคุณกำหนดให้ลูกค้าต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อแลกรับส่วนลดและตัวอย่างสินค้าเพียงเล็กน้อย แสดงว่าคุณทำผิด แทนที่จะแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าคุณให้คุณค่าพวกเขามากเพียงใดโดยเสนอสิทธิพิเศษที่ทำใครให้ลูกค้ามองเห็นว่าการเป็นสมาชิกของแบรนดคุณนั้นเป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับชีวิตลูกค้าที่สุด

มอบคะแนนให้ลูกค้าทุกครั้งเมื่อทำการซื้อ

สร้าง Customer Loyalty ให้แก่ลูกค้าสำหรับการซื้อแต่ละครั้ง หรือเสนอสิ่งจูงใจให้ซื้อมากขึ้น นี่อาจเป็นระบบคะแนนที่การซื้อจำนวนหนึ่งจะได้รับส่วนลดหรือสิ่งอื่นที่มีมูลค่า ตัวอย่างเช่น Fabletics เสนอคะแนนให้กับสมาชิกของโปรแกรม VIP สำหรับการซื้อทุกครั้ง จากนั้นสามารถแลกคะแนนเหล่านั้นได้ตลอดเวลาสำหรับระดับสินค้าต่างๆ ลูกค้าสามารถเลือกว่าจะแลกคะแนนทันทีที่พวกเขามีคุณสมบัติสำหรับระดับต่ำสุดหรือสะสมคะแนนต่อไปเพื่อรับบางสิ่งจากระดับที่สูงขึ้น ซึ่งการมีระบบที่รองรับการสะสมคะแนนจากทุกช่องทางนั้นจึงสำคัญอย่างมาก ดังนั้นทุกช่องทางการขายของแบรนด์ แบรนด์ควรนำนึงด้วยเช่นกันว่าลูกค้าจะสามารถสะสมคะแนนได้

ยกเลิกการลด แลก แจก แถม

ธุรกิจจำนวนมากที่มีระบบสมาชิกหรือแคมเปญสำหรับแลกคะแนน แนวคิดที่เป็นนวัตกรรมอย่างหนึ่งที่จะทำให้คุณโดดเด่นคือการล้มเลิกแนวคิดในการใช้ “แคมเปญ ลด แลก แจก แถม ” แทนที่จะสร้างความภักดีโดยให้สิทธิประโยชน์พิเศษแก่ลูกค้า วิธีการเช่นนี้เหมาะที่สุดสำหรับบริษัทที่ขายสินค้าหรือบริการที่ไม่เหมือนใคร นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณเสนอราคาต่ำสุด คุณภาพดีที่สุด หรือความสะดวกสบายมากที่สุด แต่แท้จริงแล้วแบรนด์สามารถกำหนดหมวดหมู่ใหม่ได้เองเช่นกัน

สร้างแหล่งชุมชนสำหรับลูกค้า

ลูกค้าจะไว้วางใจเพื่อนของพวกเขาเสมอมากกว่าที่พวกเขาไว้วางใจธุรกิจของคุณ ระหว่างโซเชียลมีเดีย ไซต์รีวิวลูกค้า ฟอรัม และอื่นๆ การจับโทรศัพท์เพียงเล็กน้อยก็สามารถบันทึกและอัปโหลดให้โลกได้เห็น แต่คุณสามารถเปลี่ยนสิ่งนี้ให้เป็นแง่บวกได้โดยการจัดการชุมชนที่ส่งเสริมการโต้ตอบระหว่างลูกค้ากับลูกค้า
วิธีหนึ่งในการทำเช่นนี้คือการใช้ทรัพยากรการสนับสนุนแบบบริการตนเอง หากคุณมีฐานความรู้ คุณสามารถเพิ่มฟอรัมชุมชนได้ ฟอรัมชุมชนส่งเสริมให้ลูกค้าสื่อสารกันในหัวข้อต่างๆ เช่น การแก้ไขปัญหาสินค้าหรือการเล่าประสบการณ์การบริการ แม้ว่าพวกเขาจะแสดงความคิดเห็นเชิงลบ แต่อย่างน้อยก็ปล่อยให้โดเมนของคุณอยู่ที่ที่คุณสามารถตอบกลับและจัดการกับมันได้ตามนั้น

พัฒนา Customer Loyalty Program อย่างสม่ำเสมอ

จัดหา Loyalty Program สร้างความภักดีของลูกค้าให้กับลูกค้าประจำเพื่อส่งเสริมความภักดีและธุรกิจระยะยาวโดยเสนอสิทธิพิเศษ รางวัล คูปอง หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายล่วงหน้า เพื่อลูกเล่นใหม่ๆให้ลูกค้าสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้ แม้จะยังไม่ซื้อสินค้าก็ตาม


Loyalty Programs มีกี่ประเภท

type-of-loyalty-program

Point-Based Loyalty Program

โปรแกรมสะสมคะแนน โปรแกรมนี้ถือเป็นรูปแบบโปรแกรมสะสมคะแนนที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด ลูกค้าประจำจะได้รับคะแนนซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนเป็นรางวัลต่างๆ เช่น รหัสส่วนลด ของสมนาคุณ หรือข้อเสนอพิเศษอื่นๆ อย่างไรก็ตาม หลายบริษัทมักจะทำผิดพลาดโดยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนและรางวัลที่จับต้องได้มีความซับซ้อนและสับสน
หากคุณเลือกใช้โปรแกรมสะสมคะแนน ให้ทำให้การแปลงคะแนนเป็นรางวัลเป็นเรื่องง่ายและเข้าใจง่าย แม้ว่าระบบคะแนนอาจเป็นรูปแบบโปรแกรมสะสมคะแนนที่พบมากที่สุด แต่ก็ไม่ได้จำเป็นต้องใช้ได้กับธุรกิจทุกประเภท โปรแกรมนี้เหมาะที่สุดสำหรับธุรกิจที่ส่งเสริมการซื้อบ่อยครั้งในระยะสั้น เช่น Dunkin’ Donuts

Tiered Loyalty Program

การหาจุดสมดุลระหว่างรางวัลที่เข้าถึงได้และรางวัลที่น่าดึงดูดใจเป็นความท้าทายสำหรับบริษัทส่วนใหญ่ที่ออกแบบระบบคะแนน สำหรับ Loyalty Program วิธีหนึ่งในการแก้ปัญหานี้คือการใช้ระบบแบ่งระดับที่ให้รางวัลสำหรับความภักดีในขั้นต้นและกระตุ้นให้เกิดการซื้อเพิ่มเติม นำเสนอรางวัลเล็ก ๆ เป็นข้อเสนอพื้นฐานสำหรับการเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม จากนั้นกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำโดยการเพิ่มมูลค่าของรางวัลเมื่อพวกเขาเลื่อนระดับขึ้นไปในระบบสะสมคะแนน วิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเมื่อสมาชิกลืมเกี่ยวกับคะแนนของพวกเขา (และไม่เคยแลกคะแนน) เนื่องจากระยะเวลาระหว่างการซื้อและการได้รับรางวัลนานเกินไป ความแตกต่างระหว่างระบบคะแนนและระบบแบ่งระดับคือลูกค้าได้รับมูลค่าระยะสั้นเทียบกับมูลค่าระยะยาวจากโปรแกรมสะสมคะแนน คุณอาจพบว่าโปรแกรมแบ่งระดับทำงานได้ดีกว่าสำหรับธุรกิจที่มีความมุ่งมั่นสูงและมีราคาสูงกว่า เช่น สายการบิน ธุรกิจโรงแรม หรือบริษัทประกันภัย

Loyalty Program มีจุดประสงค์เพื่อเชื่อมโยงและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและแบรนด์… ดังนั้นจึงมีบาง Loyalty Program ที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียม ในบางเคส ค่าธรรมเนียมครั้งเดียว (หรือรายปี) ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถข้ามอุปสรรคในการซื้อทั่วไปได้นั้นค่อนข้างเป็นประโยชน์สำหรับทั้งแบรนด์และลูกค้า คุณสามารถปรับแต่งโปรแกรมสะสมคะแนนแบบมีค่าธรรมเนียมเพื่อจัดการกับอุปสรรคเฉพาะเหล่านั้นได้

ตัวอย่างเช่น คุณเคยละทิ้งตะกร้าสินค้าออนไลน์ของคุณหลังจากคำนวณภาษีและค่าจัดส่งหรือไม่? นี่เป็นปัญหาที่พบบ่อยสำหรับธุรกิจออนไลน์ เพื่อกำจัดปัญหานี้ คุณอาจเสนอโปรแกรมสะสมคะแนนเช่น Amazon Prime โดยการสมัครและชำระค่าธรรมเนียมล่วงหน้า ลูกค้าจะได้รับการจัดส่งฟรีสองวันสำหรับคำสั่งซื้อโดยอัตโนมัติ (รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่ยอดเยี่ยมอื่นๆ เช่น หนังสือและภาพยนตร์ฟรี)

Value-Based Loyalty Program

การเข้าใจลูกค้าของคุณอย่างแท้จริงต้องอาศัยการระบุคุณค่าและความต้องการของกลุ่มเป้าหมายของคุณ เมื่อทำเช่นนั้น คุณสามารถเพิ่ม Customer Loyalty โดยการกำหนดเป้าหมายไปที่ลักษณะเหล่านั้น ในขณะที่บริษัทใด ๆ ก็สามารถเสนอคูปองส่งเสริมการขายและรหัสส่วนลดได้ แต่บางธุรกิจอาจพบความสำเร็จที่มากขึ้นในการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายโดยการเสนอคุณค่าในรูปแบบที่ไม่เกี่ยวข้องกับเงิน (Non-transactional reward) ซึ่งสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นเอกลักษณ์กับลูกค้า ส่งเสริมความไว้วางใจและความภักดี
สิ่งนี้อาจดูเหมือนบริษัทที่บริจาคส่วนหนึ่งของการซื้อให้กับองค์กรการกุศลที่กำหนดซึ่งสอดคล้องกับค่านิยมของแบรนด์

Coalition (Partnership) Loyalty Program

การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเสริมสร้างความภักดีของลูกค้า เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาลูกค้าและขยายธุรกิจของคุณ บริษัทใดที่เหมาะสมในการเป็นพันธมิตร? คำตอบขึ้นอยู่กับชีวิตประจำวัน ความต้องการ และกระบวนการซื้อของลูกค้าของคุณ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นบริษัทอาหารสุนัข คุณอาจร่วมมือกับคลินิกสัตวแพทย์หรือร้านตัดขนสัตว์เลี้ยงเพื่อเสนอข้อเสนอพิเศษร่วมกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ร่วมกันสำหรับทั้งบริษัทของคุณและลูกค้าของคุณ เมื่อคุณมอบคุณค่าที่เกี่ยวข้องให้กับลูกค้าของคุณซึ่งเหนือกว่าสิ่งที่บริษัทของคุณสามารถนำเสนอได้เพียงลำพัง คุณกำลังแสดงให้พวกเขาเห็นว่าคุณเข้าใจและใส่ใจเกี่ยวกับความท้าทายและเป้าหมายของพวกเขา (แม้แต่สิ่งที่คุณไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง) นอกจากนี้ ยังช่วยให้คุณขยายเครือข่ายเพื่อเข้าถึงลูกค้าของพันธมิตรของคุณด้วย

Game-Based Loyalty Program

ใครบ้างจะไม่ชอบเกมสนุก ๆ ล่ะ? เปลี่ยนโปรแกรมสะสมคะแนนของคุณให้เป็นเกมเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และ ขึ้นอยู่กับประเภทของเกมที่คุณเลือก เสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ของคุณ อย่างไรก็ตาม ด้วยการแข่งขันหรือการชิงโชคใด ๆ คุณมีความเสี่ยงที่ลูกค้าจะรู้สึกว่าบริษัทของคุณกำลังหลอกลวงพวกเขาเพื่อให้ได้ธุรกิจ เพื่อลดความเสี่ยงนี้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกค้าของคุณไม่รู้สึกว่าคุณกำลังหลอกลวงพวกเขาจากรางวัลของพวกเขา

โอกาสในการชนะไม่ควรต่ำกว่า 25% และข้อกำหนดในการซื้อเพื่อเล่นควรจะสามารถบรรลุได้ นอกจากนี้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าฝ่ายกฎหมายของบริษัทของคุณได้รับแจ้งอย่างครบถ้วนและเข้าใจก่อนที่จะเปิดเผยการแข่งขันของคุณต่อสาธารณะ เมื่อดำเนินการอย่างถูกต้อง Gamification นี้อาจใช้ได้กับบริษัทเกือบทุกประเภท และทำให้กระบวนการซื้อสินค้ามีส่วนร่วมและน่าตื่นเต้น

ประเภทของ Martech


สรุป

Customer Loyalty มีความสัมพันธ์โดยตรงกับผลกำไร การรักษาลูกค้า และความสามารถในการเติบโตที่ดีขึ้นของธุรกิจของคุณ ดังนั้น เริ่มต้นวันนี้โดยการกำหนดกลยุทธ์สร้างความภักดีของลูกค้าที่คุณจะนำไปใช้ และใช้ตัวอย่างที่เรากล่าวถึงข้างต้นเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการสร้าง Brand Loyalty ที่สมบูรณ์แบบ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ของลูกค้าและแบรนด์ของคุณอย่างไม่สิ้นสุด

เราขอแนะนำ Rocket Loyalty CRM 4.0 ระบบสมาชิก สะสมแต้ม ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยมุ่งเน้นเพื่อสร้างระบบสมาชิกครบจบที่เดียว ตั้งแต่การรองรับให้ลูกค้าสามารถสมัครสมาชิกได้ทุกช่องทาง การสร้างระบบคะแนนได้อย่างหลากหลาก การแบ่งระดับสมาชิก และการสร้างแคมเปญต่างๆ ที่ไม่จำเจ เช่น User Generateion Content, Top spender, lucky draw และฟีเจอร์อีกมากมาย ที่แบรนด์สามารถเลือกใช้เพื่อดึงดูดลูกค้า อย่างไม่สิ้นสุดและครบจบที่เดียว


shapeshapeshape

ลงทะเบียน รับคำปรึกษาฟรี!

รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Martech และ Business Transformation

Rocket BLOG

MarTech knowledge to help you stay ahead of the curve.

what is ecommerce

อีคอมเมิร์ซ คืออะไร? เคล็ดลับเพิ่มยอดขายที่แบรนด์ควรรู้

อีคอมเมิร์ซได้เปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจ ทำให้เกิดตลาดระดับโลกที่ทุกคนที่มีอินเทอร์เน็ตสามารถเข้…

#MARKETING
คูปอง-ส่วนลด

เคล็ดลับเพิ่มยอดขายด้วยคูปองส่วนลด กับระบบ Loyalty Program

คูปองส่วนลดเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมมายาวนานในการตลาด แต่ประสิทธิภาพของมันไม่ได้จำกัดอยู่แค่กา…

#MARKETING
customer-loyalty

เทคนิคกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำด้วย Customer Loyalty

การมีกลยุทธ์สร้าง Customer Loyalty ที่แข็งแกร่งสามารถช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จได้อย่างมาก ลูกค้าม…

#MARKETING

LINE

Call

Free trial

test

Contact

Contact us now

test

✓ Valid number ✕ Invalid number
This field is for validation purposes and should be left unchanged.

Stronger loyalty, through smarter engagement