Retargeting VS Remarketing คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร มาดูเลย

Retargeting VS Remarketing คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร มาดูเลย

Retargeting

27 ธันวาคม, 2022

เคยงงหรือสงสัยกันไหม ว่าคำสองคำที่มีความคล้ายคลึงกันอย่าง Remarketing และ Retargeting คืออะไร เหมือนหรือต่างกันอย่างไร โดยบางท่านอาจจะคิดว่าไม่น่าแตกต่างกันมากหรือคล้ายคลึงกัน แต่บางคนอาจจะคิดไปว่าคือสิ่งเดียวกันด้วย ดังนั้นวันนี้ Rocket จะมาไขความกระจ่างของทั้งสองสิ่งนี้ Retargeting และ Remaketing ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านกันต่อได้เลย


ยาวไปไม่อ่าน คลิ๊กเลย hide

Retargeting คืออะไร

Retargeting คืออะไร

Retargeting คือ การทำให้ คนที่มีโอกาสเป็นลูกค้า กลายมาเป็น ลูกค้า ให้ได้เยอะที่สุด ผ่านการโฆษณาหรือยิงแอดผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่สนใจหรือเคยสนใจในสินค้าหรือบริการมีโอกาสเห็นแบรนด์รวมไปถึงสินค้าหรือบริการของคุณอีกครั้ง และเมื่อกลุ่มคนเหล่านี้มีโอกาสกลับมาเห็นโฆษณาอีกครั้งหนึ่งและได้เห็นอย่างต่อเนื่อง ก็จะเป็นการกระตุ้นและขยี้ใจของกลุ่มคนเหล่านั้นให้จดจำแบรนด์และสินค้าหรือบริการ และทำให้เกิดความอยากที่จะซื้อสินค้าหรือบริการมากขึ้น จนทำให้ต้องสั่งซื้อและกลับมาซื้อซ้ำเรื่อยๆในอนาคต

Remarketing คืออะไร

Remarketing คือ การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ได้เคยเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือช่องทางต่างๆที่สามารถบันทึกข้อมูลการใช้งานได้ ด้วยการแสดงโฆษณาไปยังเว็บไซต์หรือช่องทางอื่นๆในลักษณะของ Banner หรือตามช่องทางการค้นหา นอกจากนี้ยังรวมไปถึงอีเมลอีกด้วย เป็นการนำข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายมาทำการตลาดซ้ำอีกนั่นเอง ทั้งข้อมูลความสนใจ พฤติกรรมการใช้งาน เพื่อให้สามารถปิดการขายได้อย่างงายดายมากขึ้น

Retargeting vs Remarketing ต่างกันอย่างไร

แม้อธิบายถึงความหมายของทั้ง Retargeting และ Remarketing ไปแล้ว หลายๆท่านก็ยังน่าจะเห็นว่ามีความคล้ายคลึงกันอยู่ตรงที่จุดประสงค์ก็คือการปิดยอดขายหรือเพิ่มยอดขายนั่นเอง แต่แท้ที่จริงนั้นความแตกต่างก็คือการ Retargeting เป็นการยิงแอดไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยอ้างอิงจากคุ้กกี้ที่เก็บได้ แต่การ Remarketing มักใช้จากการทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อนำไปทำการตลาดให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่จะมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการ


เป้าหมายของการ Retargeting/ Remarketing คือ

เป้าหมายของ Retargeting

เป้าหมายของการ Retargeting และ Remarketing คือ การเพิ่มยอดขายหรือ KPI นั่นเอง แต่การที่เพิ่มยอดขายได้นั้นก็คือการที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจในสินค้าหรือบริการ ด้วยการอาศัยข้อมูลที่มีอยู่เดิม ทั้งคุ้กกี้และข้อมูลจากแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อกระตุ้นลูกค้าเหล่านั้นด้วยความสนใจและพฤติกรรมที่เก็บข้อมูลมาได้นั่นเอง


ประโยชน์ของการทำ Retargeting

ประโยชน์ Retargeting

1. เป็นที่หนึ่งในใจของกลุ่มเป้าหมาย

แน่นอนว่าการที่จะไปอยู่ในใจของกลุ่มเป้าหมายหรือแม้แต่ลูกค้านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย การ Retargeting และ Remarketing จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายที่สนใจในสินค้าหรือบริการของคุณสามารถเห็นโฆษณาของแบรนด์คุณได้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นและจดจำในแบรนด์ของคุณได้ หากกลุ่มเป้าหมายต้องการซื้อสินค้าหรือบริการก็จะต้องคิดถึงแบรนด์ของคุณก่อนใครอื่น

2. สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ที่รับชม

การทำ Retargeting และ Remarketing จะติดตามกลุ่มเป้าหมายไปตลอดแม้กระทั่งการเข้าเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มต่างๆในการเปรียบเทียบ ท่านก็สามารถนำโฆษณาติดตามลูกค้าไปได้ด้วย เพื่อโปรโมทสินค้าหรือบริการ นอกจากนี้ยังสร้างการมีส่วนร่วมและได้รับข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า ทำให้สามารถทำ Retargeting ให้เหมาะสมกับแต่ละคนได้

3. เพิ่มการรับรู้ให้กับแบรนด์

บริษัทมากถึง 42% ใช่การ Retargeting และ Remarketing ในการสร้างการรับรู้และทำให้ผู้คนเกิดการจดจำแบรนด์ ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย เช่น การตอกย้ำหรือกระตุ้นสินค้าที่คุณสนใจได้ใส่เอาไว้ในรถเข็น ให้คุณได้เจอทั้งใน Facebook หรือ Google เป็นต้น

4. เพิ่มการเข้าถึงเว็บไซต์

การ Retargeting และ Remarketing จะช่วยเพิ่มโอกาสและดึงดูดผู้เข้าชมโดยการแสดงโฆษณาในช่องทางต่างๆ ทำให้ผู้คนที่สนใจกดเข้าเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง เพราะว่าก่อนที่กลุ่มเป้าหมายจะตัดสินใจซื้อนั้น ต้องมีการดูข้อมูลเดิมๆซ้ำๆเพื่อช่วยในการตัดสินใจ

5. ดึงดูดลูกค้าจากคู่แข่ง

การดูดลูกค้ามาจากคู่แข่ง ถือเป็นจุดแข็งอีกหนึ่งอย่างของการทำ Retargeting และ Remarketing เพราะว่าโฆษณาของแบรนด์คุณจะแสดงบนเบราว์เซอร์ของลูกค้าหลังจากที่พวกเขาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณหรือค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ สามารถกำหนดได้ว่าเป้าหมายเป็นผู้ชมที่เคยเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ทั้งของคุณและคู่แข่งนั่นเอง


Retargeting ทำอย่างไร? มาดูตัวอย่างของการ Retargeting

Retargeting ต้องทำยังไง

ตัวอย่างในการทำ Retargeting และ Remarketing มีดังนี้

ตัวอย่าง 1. การใช้ Google

Google เองก็มีเครื่องมือที่ใช้ทำ Retargeting และ Remarketing เรียกว่า Google Adsense เป็นการทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นตัวกลางในการ Retargeting และ Remarketing ซึ่งจะได้รับค่าโฆษณาแบบ CPC หรือ Cost Per Click ด้วยการไปสมัครกับ Google เพื่อนำเอาโค้ดมาติดบนเว็บไซต์ของคุณในรูปแบบ Google Display Network หรือ YouTube ก็ตาม

ตัวอย่าง 2. การทำบน Facebook

Facebook เป็นอีกหนึ่งโซเชี่ยลมีเดียที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงมีผู้ใช้งานมากมายทั่วโลก และทาง Facebook เองก็มีระบบในการทำ Retargeting และ Remarketing เช่นกัน ด้วยระบบ Custom Audience ที่สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายจากพฤติกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการกดไลก์ การส่งข้อความ การกดดูโฆษณาหรือแอดต่างๆ ทำให้สามารถตั้งค่าการยิงแอดได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่าง 3. การใช้กับการทำการตลาดออนไลน์อื่นๆ

การทำ Retargeting และ Remarketing คือนำข้อมูลที่มีนำมาวิเคราะห์ เพื่อมานำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับการตลาดในด้านการโฆษณาหรือยิงแอดให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การเลือกกลุ่มเป้าหมายคือสิ่งสำคัญในการทำ Retargeting และ Remarketing เพราะเป็นเหมือนการย้ำการรับรู้ของสินค้า บริการ และแบรนด์ ทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มยอดขายให้คุณได้อย่างดีในระยะยาว


เทคนิค หรือ กลยุทธ์ในการทำ Retargeting

เทคนิค หรือ กลยุทธ์ในการทำ Retargeting มีดังนี้

1. การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย

การกำหนดกลุ่มเป้าหมายเพื่อทำ Retargeting และ Remarketing เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก และควรทำให้ลึกที่สุดเพื่อให้ส่งผลที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อให้เข้าใจการเดินทางของลูกค้า หรือ Customer journey นั่นเอง โดยแบ่งการจัดกลุ่มได้ดังนี้

2. การเข้าใจ Customer Journey 

การเข้าใจการเดินทางของลูกค้าหรือ Customer Journey เป็นสิ่งสำคัญเพราะต้องเข้าใจลูกค้าในแต่ละขั้นตอนอย่างถ่องแท้ เพราะในแต่ละขั้นตอนลูกค้าก็จะมีความต้องการและพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นแบรนด์ต้องมีการสนองต่อความต้องการของลูกค้าไปตามขั้นตอนต่างๆ จนถึงปลายทางที่ต้องการ เรียกได้ว่าเป็น Loop Framework หรือการเดินทางที่วนแบบไม่สิ้นสุด

3. ออกแบบ Content ให้เหมาะสม

เมื่อเกิดความเข้าใจในแต่ละขั้นตอนของลูกค้าแล้ว การออกแบบ Content ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ตามมาเพราะต้องผลิตคอนเทนต์ออกมาให้ตอบโจทย์และสนองกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละขั้นตอนได้อย่างเหมาะสมและน่าดึงดูด และนอกจากนี้ยังต้องมีการติดตามและวัดผลเพื่อให้สามารถปรับปรุงต่อได้ในอนาคตเพื่อให้การทำ Retargeting และ Remarketing ออกมาสมบูรณ์มากที่สุด

4. ถ่ายทอดออกไปให้ถูกช่องทาง

แน่นอนว่าในปัจจุบันการทำ Retargeting และ Remarketing สามารถเลือกได้หลายช่องทาง และเมื่อคุณมี Content ที่เหมาะสมแล้วก็ควรนำคอนเทนต์เหล่านี้ไปใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและตอบโจทย์กับการสร้างคอนเทนต์เหล่านี้ การเข้าถึงผู้คน กลุ่มเป้าหมาย ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆจึงต้องเลือกให้ดีและเลือกให้ระวัง


คำถามอื่น ๆ เกี่ยวกับ Retargeting

คำถามอื่น ๆ เกี่ยวกับ Retargeting มีดังนี้

การทำ Retargeting/ Remarketing จะสร้างความรำคาญให้ลูกค้าหรือไม่

การทำ Retargeting และ Remarketing มีโอกาสทำให้ลูกค้าเกิดความรำคาญได้จริง หากว่าลูกค้าพบหรือเจอคอนเทนต์หรือโฆษณาของคุณบ่อยครั้งจนเกินไปต่อให้จะมีความสนใจในสินค้าหรือบริการก็ตาม ดังนั้นการเลือกเปอร์เซนต์ให้ลูกค้าพบเจอไม่เกินกว่า 5 ครั้งต่อวันกำลังดี

เราจะวัดผลของการทำ Retargeting ได้อย่างไร

ให้ทำการสร้างเว็บไซต์เสียก่อน เพราะการที่มีเว็บไซต์จะสามารถติดตั้งโค้ดต่างๆที่มีไว้เพื่อติดตาม Customer Audience ในเว็บไซต์ได้ เพื่อให้ง่ายต่อการวัดผลและนำข้อมูลไปทำการ Retargeting และ Remarketing ได้ต่อไป

Retargeting ที่ดี ควรมี Conversion Rate เท่าไหร่

Retargeting และ Remarketing ที่ดี ควรมี Conversion Rate อยู่ที่ 1-2% ขึ้นไป

ทำอย่างไรถึงจะทำให้ Retargeting มีประสิทธิภาพ

การทำ Retargeting และ Remarketing ให้มีประสิทธิภาพคือ 


สรุปเกี่ยวกับ Retargeting

retargeting facebook ads

เนื่องด้วยการ Retargeting เป็นการทำให้คนที่มีโอกาสเป็นลูกค้ากลายมาเป็นลูกค้าให้ได้นั่นเอง โดยผ่านการโฆษณาหรือยิงแอดผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่างๆ และต้องมีการวัดผลลัพธ์ด้วย การทำ Retargeting และ Remarketing ก็จะทำให้ช่วยเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์และการเพิ่มยอดขายนั่นเอง 

และหากคุณสนใจทำ Retargeting และ Remarketing แต่ไม่รู้จะต้องเริ่มอย่างไร หรือกังวลใจในการทำก็สามารถให้ Rocket ของเราช่วยเหลือได้ เพราะพวกเรา รับทำการตลาดออนไลน์ และ รับยิงแอด โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญการตลาดโดยเฉพาะ


เรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Retargeting


shapeshapeshape

ลงทะเบียน รับคำปรึกษาฟรี!

รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Martech และ Business Transformation

Rocket BLOG

MarTech knowledge to help you stay ahead of the curve.

Customer Retention

Customer Retention การรักษาลูกค้าเก่าให้นานที่สุดทำอย่างไร

การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบอื่นๆ เข้ามาช่วยขับเคลื่อนให้สามารถเดินหน้าต่…

#MARKETING
Referral Program

Referral Program คือ ลูกค้าเก่าแนะนำลูกค้าใหม่ให้ซื้อสินค้าและบริการ

การทำธุรกิจให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จำเป็นต้องใช้เทคนิคกระตุ้นยอดขายด้วยรูปแบบต่างๆ เพื่อทำให้ทั้งล…

#MARKETING
Data Warehouse คืออะไร

Data Warehouse คืออะไร? ไม่อยากตก เทรนด์ Data ต้องรู้เอาไว้

ในโลกของการตลาดดิจิทัลที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ข้อมูล หรือ Data กลายเป็นสิ่งสำคัญต่อแบรนด…

#MARKETING

แอดไลน์เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญการตลาด

แอดไลน์

Now, you can engage like a digital giant