1 กรกฎาคม, 2024
ในโลกธุรกิจยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างรวดเร็ว Salesforce คือ ผู้นำด้านโซลูชั่น CRM แบบคลาวด์ ได้นำเสนอชุดเครื่องมือที่ครอบคลุม ช่วยให้ธุรกิจดำเนินงานได้ราบรื่นและสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกฟีเจอร์สุดพิเศษและประโยชน์ที่โดดเด่นของ Salesforce พร้อมทั้งเปรียบเทียบข้อแตกต่างกับระบบ CRM ทั่วไป ผ่านตัวอย่างจากโลกธุรกิจจริงและข้อมูลเชิงลึก เพื่อให้เหล่านักการตลาดและเจ้าของแบรนด์เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า Salesforce จะเป็นแรงผลักดันให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างไร
จุดเด่นที่ทำให้ Salesforce แตกต่างคือ เพื่อตอบโจทย์ทุกแง่มุมของการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย การตลาด บริการลูกค้า ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูล
หัวใจสำคัญของ ระบบ Salesforce คือการนำเสนอมุมมองแบบองค์รวมของทุกการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า แนวคิดนี้ช่วยให้ธุรกิจติดตามเส้นทางของลูกค้าได้ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการบริการหลังการขาย Salesforce รวบรวมข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง ช่วยให้ทุกทีมงานเข้าถึงข้อมูลล่าสุดที่เกี่ยวข้องได้อย่างทั่วถึง นำไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้นและสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Salesforce ไม่หยุดแค่การเป็น CRM ทั่วไป แต่โดดเด่นด้วยการ Salesforce crm คือนำเสนอฟีเจอร์ปรับแต่งระบบได้ตามต้องการ ความสามารถด้าน AI และประสบการณ์ผู้ใช้ที่เหนือระดับ ซึ่งแตกต่างจาก CRM แบบเดิมๆ ที่ทำงานแยกส่วน Salesforce สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันภายนอกได้หลากหลาย สร้าง Ecosystem ให้ข้อมูลเชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์
ด้วยตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลาย คุณสามารถปรับแต่งแพลตฟอร์มให้ตรงกับความต้องการทางการตลาดเฉพาะของคุณได้ โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมขั้นสูง Salesforce Einstein AI ที่มาพร้อมกับระบบจะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคาดการณ์และให้ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้งานได้จริง ทำให้คุณสามารถคาดการณ์แนวโน้มของลูกค้าและตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเป็นหลัก นอกจากนี้ ส่วนต่อประสานที่ใช้งานง่ายและแอปมือถือ ช่วยให้ทีมของคุณสามารถเข้าถึงและอัปเดตข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการตอบสนองต่อลูกค้า
Salesforce ขายอะไร และมอบประโยชน์มากมายที่จะช่วยยกระดับการทำการตลาดอย่างไร? ต่อไปนี้คือ 4 ประโยชน์สำคัญที่ทำให้ Salesforce เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจ
Salesforce รวบรวมข้อมูลจากหลากหลายช่องทาง เพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมและความชอบของลูกค้า มุมมองที่ครอบคลุมนี้จะช่วยให้นักการตลาดสามารถสร้างแคมเปญที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง Salesforce Developer คือ ทีมพัฒนาที่คอยปรับปรุงแพลตฟอร์มและพัฒนาฟีเจอร์ใหม่อยู่ตลอดตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ข้อมูลการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า จะช่วยให้นักการตลาดระบุได้ว่าผลิตภัณฑ์ใดน่าสนใจที่สุดสำหรับกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่ม และปรับแต่งข้อความทางการตลาดให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Salesforce สนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างทีมด้วยเครื่องมืออย่าง Chatter ซึ่งเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กภายในองค์กร ทีมการตลาดสามารถแบ่งปันข้อมูลเชิงลึก อัปเดต และกลยุทธ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เพื่อให้ทุกคนทำงานสอดคล้องกันและมุ่งสู่เป้าหมายร่วมกัน ตัวอย่างเช่น แคมเปญเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สามารถได้รับประโยชน์จาก Feedbacks และไอเดียที่แบ่งปันกันแบบเรียลไทม์ระหว่างทีมการตลาด ฝ่ายขาย และทีม Product
Sale force automation คือ สามารถทำงานทางการตลาดซ้ำ ๆ ให้อัตโนมัติ เช่น การป้อนข้อมูล การส่งอีเมลติดตามผล และการแบ่งกลุ่มลูกค้า sales force automation คือระบบอัตโนมัตินี้ช่วยเพิ่มเวลาให้นักการตลาดได้โฟกัสกับกิจกรรมเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโต ยกตัวอย่างเช่น Marketing Automation ที่ทีมการตลาดสามารถตั้งค่า Work Flow อัตโนมัติเพื่อดูแลลูกค้าเป้าหมายผ่านลำดับอีเมลส่วนตัว ช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนลูกค้าเป้าหมายให้เป็นลูกค้า โดยไม่ต้องลงมือทำเองทุกขั้นตอน
Salesforce เชื่อมต่อกับระบบสมาชิกแพลตฟอร์ม Loyalty Program อย่างเช่น Rocket Loyalty CRM ได้อย่างราบรื่น ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงกลยุทธ์การรักษาลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น เมื่อเชื่อมต่อกับ Rocket Loyalty CRM แบรนด์จะสามารถมี 1st Party Data ของแบรนด์เอง และสามารถสร้างแคมเปญได้หลากหลายรูปแบบหลากหลายมิติ ที่มีว่าการซื้อและมอบคะแนน แต่ยังสามารถมอบคะแนนให้กับลูกค้าที่ทำการ Engage กับแบรนด์ในทุกๆช่องทางได้เช่นกัน ด้วยฟีเจอร์ที่มีมากมายจะช่วยให้ทีมการตลาดเลือกสร้างรูปแบบแคมเปญที่ไม่น่าเบื่อ ไม่จำเจ สนุกสนานจนทำให้ลูกค้า Active กับแบรนด์ได้ตลอดเวลา กระตุ้นการกลับมาซื้อซ้ำ และสร้าง Brand Affinity ได้อย่างแท้จริง เช่น บริษัทที่ใช้ Salesforce ด้านค้าปลีกสามารถเชื่อมต่อ Salesforce กับ Rocket Loyalty CRM เพื่ออัปเดตคะแนนสะสมโดยอัตโนมัติตามการซื้อ และส่งโปรโมชั่น และแคมเปญการสะสมคะแนนที่ตรงตามพฤติกรรมลูกค้า ซึ่งช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและกระตุ้นให้ลูกค้า Engage กับแบรนด์ได้มากขึ้น
Salesforce ขึ้นชื่อเรื่องความสามารถด้าน CRM ที่แข็งแกร่ง แต่ก็เหมือนกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่มีทั้งข้อดีและข้อจำกัด การทำความเข้าใจสิ่งเหล่านี้ จะช่วยให้ธุรกิจตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ
• ความหลากหลาย: Salesforce มีความหลากหลายและปรับตัวได้ เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมและขนาดธุรกิจที่หลากหลาย ไม่ว่าคุณจะอยู่ในธุรกิจค้าปลีก การเงิน การดูแลสุขภาพ หรือการผลิต Salesforce สามารถปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการเฉพาะของอุตสาหกรรมได้
• ฟีเจอร์ครบครัน: Salesforce มีฟีเจอร์มากมายที่ครอบคลุมทุกด้านของการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการขาย การตลาด การบริการลูกค้า และการวิเคราะห์ ฟังก์ชันที่ครอบคลุมนี้ช่วยลดความจำเป็นในการใช้หลายระบบที่แตกต่างกัน
• ค่าใช้จ่าย: Salesforce ราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือสตาร์ทอัพ ค่าใช้จ่ายสำหรับใบอนุญาต Add-on และการปรับแต่งต่างๆ อาจเพิ่มขึ้น ทำให้เป็นการลงทุนที่สูง
• ความซับซ้อน: ฟีเจอร์และตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลายอาจทำให้เกิดความสับสน ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และการสนับสนุนจากผู้ดูแลระบบโดยเฉพาะ ธุรกิจอาจต้องลงทุนในการฝึกอบรมหรือจ้างบุคลากรเฉพาะทางเพื่อจัดการแพลตฟอร์มอย่างมีประสิทธิภาพ
Salesforce มอบชุดฟีเจอร์ที่ครบครัน เพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่หลากหลาย ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้องค์กรปรับปรุงการดำเนินงาน เพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า และผลักดันการเติบโต นี่คือฟีเจอร์ที่โดดเด่น:
• Sales Cloud: ออกแบบมาเพื่อจัดการกระบวนการขายทั้งหมด ตั้งแต่การสร้างลูกค้ากลุ่มเป้าหมายไปจนถึงการปิดดีล มีเครื่องมือสำหรับติดตามลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ทีมขายสามารถใช้เพื่อประเมินยอดขาย จัดการ Sale Pipeline และทำงานร่วมกับสมาชิกในทีม ตัวอย่างเช่น ทีมขายสามารถใช้ Sales Cloud เพื่อดำเนินการติดตามผลโดยอัตโนมัติ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายรายใดหลุดรอดไปได้
• Service Cloud: ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสนับสนุนลูกค้าโดยการจัดหาเครื่องมือสำหรับการจัดการเคส ฐานความรู้ และระบบอัตโนมัติสำหรับการบริการ ช่วยให้ทีมบริการลูกค้าสามารถติดตามปัญหาของลูกค้า ให้การ Supprt ทันเวลา และสร้างความพึงพอใจในระดับสูง ตัวอย่างเช่น ทีมบริการลูกค้าสามารถใช้ Service Cloud เพื่อสร้างฐานความรู้ที่ช่วยให้ลูกค้าค้นหาคำตอบสำหรับคำถามทั่วไปได้อย่างรวดเร็ว
• Marketing Cloud: ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้าง Customer Journey แบบ Personalization ผ่านแคมเปญการตลาดที่ตรงเป้าหมาย ผสานรวมกับโซเชียลมีเดีย อีเมล และแพลตฟอร์ม Loyalty Program เช่น Rocket Loyalty CRM เพื่อจัดหากลยุทธ์ทางการตลาดที่มีความสอดคล้องกัน นักการตลาดสามารถใช้เพื่อแบ่งกลุ่มเป้าหมาย ทำแคมเปญอีเมลอัตโนมัติ และสร้างแคมเปญที่ดึงดูดลูกค้าได้จริง ตัวอย่างเช่น ทีมการตลาดสามารถเปิดตัวแคมเปญอีเมลโดยกำหนดเป้าหมายลูกค้าตามประวัติการซื้อก่อนหน้า และส่งแคมเปญการสะสมคะแนนแบบ Mission โดยอิงจากกลุ่มสินค้าที่ลูกค้าทำการซื้อบ่อย
• Commerce Cloud: จัดหาแพลตฟอร์มสำหรับจัดการการขายออนไลน์ ที่รองรับทั้งธุรกิจ B2B และ B2C โดยนำเสนอเครื่องมือสำหรับสร้างร้านค้าออนไลน์ที่น่าสนใจ จัดการแค็ตตาล็อกผลิตภัณฑ์ และจัดการคำสั่งซื้อ ตัวอย่างเช่น บริษัทอีคอมเมิร์ซสามารถใช้ Commerce Cloud เพื่อปรับแต่งประสบการณ์การช็อปปิ้งสำหรับผู้เข้าชมแต่ละราย โดยนำเสนอคำแนะนำผลิตภัณฑ์ตามพฤติกรรมการเยี่ยมชมหน้าเว็ปไซต์
• Community Cloud: ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างชุมชนออนไลน์สำหรับลูกค้า และพนักงาน เพื่อทำงานร่วมกันและแบ่งปันข้อมูล ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งขึ้นและส่งเสริมความรู้สึกเป็นชุมชน ตัวอย่างเช่น บริษัทสามารถสร้างชุมชนลูกค้าที่ผู้ใช้สามารถแบ่งปันเคล็ดลับ ถามคำถาม และให้ข้อเสนอแนะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและความภักดีของลูกค้า
• Analytics Cloud: มีเครื่องมือการวิเคราะห์และแสดงข้อมูลขั้นสูง ช่วยให้ธุรกิจได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของตนและตัดสินใจโดยใช้ข้อมูล ผู้ใช้สามารถสร้างแดชบอร์ดและรายงานที่กำหนดเองเพื่อติดตามเมตริกสำคัญและระบุแนวโน้ม ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการฝ่ายการตลาดสามารถใช้ Analytics Cloud เพื่อติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญแบบเรียลไทม์ ปรับกลยุทธ์ตามความจำเป็นเพื่อเพิ่ม ROI
• Einstein AI: Einstein AI เป็นแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ของ Salesforce ที่ให้การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และความสามารถในการเรียนรู้ของฟีเจอร์นี้ ช่วยให้ธุรกิจคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า ระบุแนวโน้ม และตัดสินใจอย่างชาญฉลาด ตัวอย่างเช่น ทีมขายสามารถใช้ Einstein AI เพื่อจัดลำดับความสำคัญของลูกค้าเป้าหมายตามแนวโน้มที่จะเปลี่ยนไป ทำให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะโฟกัสกลุ่มลูกค้าที่มีโอกาสและแนวโน้มการซื้อมากที่สุด
เมื่อฟีเจอร์เหล่านี้ทำงานร่วมกัน จะเกิดเป็น Ecosystem ที่รองรับทุกแง่มุมของการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่การขายและการตลาดไปจนถึงการบริการลูกค้าและอื่นๆ การใช้เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้า และขับเคลื่อนการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ทีมขายได้รับประโยชน์อย่างมากจาก Salesforce ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและปิดดีลได้เร็วขึ้น Salesforce Marketing Cloud คือ มีฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น การจัดการลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย การติดตามโอกาสทางการขาย และการคาดการณ์ยอดขาย ซึ่งช่วยปรับปรุงกระบวนการขายให้เป็นระบบ
เช่น สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสามารถใช้ Salesforce เพื่อจัดการไปป์ไลน์การขาย ติดตามการโต้ตอบกับลูกค้าที่มีศักยภาพ และคาดการณ์รายได้จากการขาย โดยการใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น การติดตามผลอัตโนมัติและการให้คะแนนลูกค้าเป้าหมาย ทีมขายสามารถมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าเป้าหมายที่มีแนวโน้มมากที่สุด ช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดดีลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับทีมการตลาด Salesforce มอบเครื่องมืออันทรงพลังผ่าน Marketing Cloud เพื่อวางแผน ดำเนินการ และวัดประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาด ช่วยให้สามารถสร้าง Customer Journey ที่เหมาะกับแต่ละบุคคล ผสานรวมกับช่องทางการตลาดดิจิทัลต่างๆ และนำเสนอการวิเคราะห์โดยละเอียดเพื่อติดตามประสิทธิภาพ เช่น แบรนด์ Retail สามารถใช้ Salesforce เพื่อแบ่งกลุ่มลูกค้าและเปิดตัวแคมเปญอีเมลที่ตรงเป้าหมาย โดยการผสานรวมความพยายามทางการตลาดบนโซเชียลมีเดียและการติดตามการมีส่วนร่วมผ่าน Salesforce ทีมการตลาดสามารถปรับแต่งกลยุทธ์และปรับปรุงการเข้าถึงลูกค้าได้
ทีม Customer Service & Support สามารถใช้ประโยชน์จาก Service Cloud ของ Salesforce เพื่อมอบการสนับสนุนที่ยอดเยี่ยมและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า แพลตฟอร์มนี้มีฟีเจอร์การจัดการเคส ฐานความรู้ที่ครอบคลุม และระบบอัตโนมัติสำหรับการบริการ ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าปัญหาของลูกค้าจะได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ เช่น แบรนด์ด้านสุขภาพสามารถใช้ Salesforce เพื่อจัดการคำถามของผู้ป่วย ติดตามคำขอรับบริการ และให้การตอบกลับอย่างทันท่วงที การใช้ฐานความรู้ช่วยให้พนักงานบริการสามารถค้นหาคำตอบสำหรับคำถามทั่วไปได้อย่างรวดเร็ว ลดระยะเวลาในการตอบกลับ
ความสามารถที่หลากหลายของ Salesforce ทำให้มั่นใจได้ว่าสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของทีมต่างๆ ภายในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย การตลาด หรือการบริการลูกค้า Salesforce ช่วยให้แต่ละทีมเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กโฟลว์ ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน และบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการจัดหาเครื่องมือและฟีเจอร์เฉพาะทางที่ตอบโจทย์
CRM Salesforce คือแพลตฟอร์ม CRM ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของธุรกิจยุคใหม่ ด้วยชุดเครื่องมือและฟีเจอร์ที่ครบครัน รองรับทุกแง่มุมของการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการขาย การตลาด และการบริการลูกค้า การใช้ Salesforce ช่วยให้ธุรกิจได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น ปรับปรุงการทำงานร่วมกันของทีม และทำงานซ้ำ ๆ ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งท้ายที่สุดจะช่วยขับเคลื่อนประสิทธิภาพและการเติบโต
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Salesforce จะมีความสามารถด้าน CRM ที่แข็งแกร่ง แต่ก็อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ของคุณอย่างต่อเนื่องในระยะยาว นี่คือจุดที่ Loyalty Program แพลตฟอร์ม อย่าง Rocket Brand Loyalty CRM เข้ามาช่วยเสริม Rocket Loyalty CRM ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อช่วยให้แบรนด์ส่งเสริมความภักดีของลูกค้าและสร้างการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง
เมื่อผสาน Salesforce เข้ากับ Rocket Loyalty CRM แบรนด์สามารถสามารถ Activate ข้อมูลที่ได้จาก Salesforce ได้ทันที และดึงดูดลูกค้าด้วยแคมเปญหลากหลายมิติ สนุก ไม่จำเจ ทำให้ลูกค้า Active กับแบรนด์ตลอดเวลา การผสมผสานนี้ทำให้แบรนด์สามารถสร้าง Customer Journey ที่สมบูรณ์แบบ กระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการและซื้อสินค้าซ้ำๆ ได้ ตัวอย่างเช่น แบรนด์ค้าปลีกสามารถใช้ Rocket Loyalty CRM เพื่อนำเสนอแคมเปญสะสมคะแนนตามประวัติการซื้อของลูกค้า ช่วยยกระดับประสบการณ์โดยรวมของลูกค้าและกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำอย่างไม่มีสินสุด
Contact us now