เพื่อให้คุณสามารถทำคอนเทนต์ได้มีประสิทธิภาพ และในบทความนี้ เราจะมาอธิบายว่า Content Marketing คืออะไร และทำอย่างไรได้บ้าง
เมื่อโลกเปลี่ยนไปสู่ยุคดิจิตัล หัวใจสำคัญของการตลาดในปัจจุบัน คือ คอนเทนต์ เพราะคอนเทนต์คือสาร ที่แบรนด์ใช้เพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งในปัจจุบันก็มีรูปแบบที่แตกต่างกันไป และการจะทำคอนเทนต์ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น คุณต้องเข้าใจการทำ Content Marketing ให้ดี เพื่อให้คุณสามารถทำคอนเทนต์ได้มีประสิทธิภาพ และในบทความนี้ เราจะมาอธิบายว่า Content Marketing คืออะไร และทำอย่างไรได้บ้าง
Content Marketing คือ ?
Content Marketing คือ กลยุทธ์ทางการตลาดผ่านการสร้างเนื้อหา และแบ่งปันข้อมูลที่ให้ความรู้ เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้อ่าน ทำให้พวกเขาประทับใจ และเปลี่ยนให้ผู้อ่านเหล่านั้นกลายมาเป็นลูกค้าในที่สุด โดยที่เนื้อหาจะต้องไม่ยัดเยียดการขายของหรือโน้มน้าวใจมากเกินไป
แต่รวมไปด้วยการขายสินค้าผสานกับความสนุกสนาน ซึ่งการทำ Content Online Marketing นั้นจำเป็นมาก โดยเฉพาะกับธุรกิจแบบ Digital marketing เพราะต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบนโลกออนไลน์เพื่อขายสินค้าแบบดิจัตัล
Content Marketing มีกี่รูปแบบ
ทีนี้คุณน่าจะพอเข้าใจแล้วว่า Content Marketing นั้นคืออะไร แต่อาจจะยังไม่ทราบว่ามีกี่รูปแบบ โดยรูปแบบของ Content Marketing หลักๆแล้ว จะมีทั้งหมด 7 รูปแบบด้วยกัน ดังนี้
Promotional Content
คอนเท้นต์ที่กลุ่มเป้าหมายหลายๆคนน่าจะถูกใจกันเป็นพิเศษ นั่นคือคอนเทนต์โปรโมชั่นกระตุ้นส่งเสริมการขายสินค้า ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมแจกสินค้า แจกส่วนลด หรือโปร 1 แถม 1 โดยมีการตั้งกฎกติกาต่างๆ เช่น กดแชร์ หรือคอมเมนต์ เพื่อจะได้รับสิทธิพิเศษนี้ ทำให้คุณได้ทั้งยอด Engagement ยอดขายที่เพิ่มขึ้น และเปลี่ยนเป้าหมายให้กลายเป็นลูกค้าของคุณ
Solvable Content
คอนเทนต์ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือคอนเท้นต์ที่ช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้กับกลุ่มเป้าหมาย เช่น เทคนิคการทำธุรกิจออนไลน์ให้ปัง หรือ วิธีใช้งานระบบ POS ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเป็นเนื้อหาที่สามารถเชื่อมโยงกับธุรกิจของคุณด้วย เพื่อให้พวกเขาได้ทั้งข้อมูลที่มีประโยชน์ และยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับแบรนด์ของคุณเพิ่มเติมอีกด้วย
Video Content
การถ่ายทอดเนื้อหาผ่านวิดิโอภาพเคลื่อนไหว เป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์ยอดนิยม เพราะสามารถเสนอสิ่งที่คุณต้องการให้กลุ่มเป้าหมายเห็นได้อย่างชัดเจน และสามารถเข้าถึงอารมณ์ร่วมได้ง่ายมากที่สุด ความยากของคอนเทนต์ประเภทนี้คือต้องทำออกมาได้สนุก น่าติดตาม เพื่อให้พวกเขารู้สึกอยากดูจนจบวิดิโอ
Real Time Content
การใช้คอนเทนต์เกาะกระแสที่กำลังเป็นที่นิยม จะช่วยให้แบรนด์ของเราดูทันสมัย ทันเหตุการณ์ และสามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายได้ โดยแต่ละแบรนด์ก็จะต้องสร้างสรรค์เนื้อหาให้ออกมาน่าสนใจ สนุกสนาน และสัมพันธ์กับเทรนด์ฮิตในช่วงเวลานั้น เป็นคอนเทนต์ที่สามารถเรียกยอด Engagement ได้ดีที่สุด เพราะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย
Album Content
การถ่ายทอดด้วยรูปภาพ หรือ Artwork แบบหลายๆรูปติดต่อกัน ลงเป็นอัลบั้ม เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ หรือเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมาย เพื่อดึงดูดความสนใจและเรียกยอด Engagement จากกลุ่มเป้าหมายได้ดี
Question & Answer Content
คอนเท้นต์ถาม-ตอบข้อสงสัยหรือปัญหาต่างๆจากกลุ่มเป้าหมายที่มีต่อสินค้าจากแบรนด์ของคุณ จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพวกเขา เพราะได้ติดต่อกับแบรนด์โดยตรง แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจจากทางแบรนด์ และยังช่วยให้พวกเขาไม่ต้องไปเสียเวลาหาคำตอบด้วยตนเอง
Quote Content
หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นกันอยู่บ้าง กับโพสท์ที่ใช้ประโยคหรือคำพูดจากบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือจากแบรนด์ พร้อมมีหน้าของคนที่กล่าวประกอบไว้อยู่ด้วย ซึ่งคอนเทนต์ประเภทนี้ จะช่วยกระตุ้น Engagement ได้ดี เพราะดึงความสนใจจากผู้คนได้ง่าย เนื้อหาไม่จำเป็นต้องมีเยอะ
ทำไมต้องทำ Content Marketing
Content Marketing มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ถือเป็นตัวเชื่อมโยงกลยุทธ์การทำการตลาดเกือบทั้งหมด เพราะในโลกที่เต็มไปด้วยธุรกิจแบบ Digital Marketing หรือ Social Media Marketing นั้น ทำให้คอนเทนต์เป็นตัวกลางที่จะสามารถสื่อสารไปสู่กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าได้ดีที่สุด เพราะทุกคนต่างก็เลือกสนใจคอนเทนต์ที่ตัวเองประทับใจ และต่อยอดไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้า
ซึ่งการทำ Content Marketing นั้นก็สามารถทำได้หลากหลายแบบ ตามเป้าหมายที่แบรนด์ต้องการ เช่น การทำ SEO, การยิงแอด Facebook, Social Media Post, การทำ Marketing Automation ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนจำเป็นที่จะต้องใช้ Content Marketing เป็นตัวกลางที่ขับเคลื่อนให้เนื้อหานั้นสามารถไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้
วัตถุประสงค์ในการทำ Content Marketing
-
เพื่อให้ความรู้
เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการทำ Content Marketing ที่สามารถโฆษณาแบรนด์ทางอ้อมได้อย่างแนบเนียน โดยจะให้ข้อมูลที่เป็นความจริง เน้นที่การให้ข้อมูล และสามารถตอบหรือช่วยแก้ปัญหาที่ผู้อ่านต้องการทราบได้ ซึ่งส่วนมากจะนิยมใช้เป็นรูปแบบของบทความต่างๆ เช่น วิธีการ เทคนิค หรือเป็น Infographic ให้ความรู้
-
เพื่อให้ความบันเทิง
คอนเทนต์ประเภทนี้ จะเน้นที่การสร้างหรือกระตุ้นอารมณ์ของผู้อ่าน ซึ่งจะเน้นความสนุกสนาน บันเทิงใจ ดึงดูดให้ผู้อ่านรู้สึกอยากติดตามเนื้อหาต่อไปเรื่อยๆจนจบ เป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์ที่ช่วยสร้าง Awareness และยอด Engangement ให้กับแบรนด์ได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเนื้อหาที่สามารถตอบสนองความบันเทิงให้กับกลุ่มเป้าหมาย ก็จะยิ่งทำให้แบรนด์ได้กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
-
เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
Content Marketing แบบสร้างแรงบันดาลใจ คืออะไร? ลองนึกถึงคอนเทนต์ต่างๆในปัจจุบันที่มักมีการใช้ Influencer หรือผู้ที่มีชื่อเสียงในวงการเข้ามาเป็นตัวหลัก เพื่อกระตุ้นให้ผู้อ่านตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการของแบรนด์นั้นได้ไวขึ้น เพราะการใช้ผู้ที่มีชื่อเสียงมาเป็นจุดนำเสนอ จะทำให้ลูกค้าสนใจมากขึ้น เพราะติดตามมาจากผู้ทีมีชื่อเสียงนั่นเอง คอนเทนต์ประเภทนี้จะเน้นที่การสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้น
-
เพื่อโน้มน้าว
คอนเทนต์เพื่อโน้มน้าวใจ จะไม่เน้นการให้ความบันเทิงทางอารมณ์ แต่จะเน้นไปที่การให้เหตุผลเป็นหลัก เพื่อนำมาโน้มน้าวใจลูกค้าหรือใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เช่น การเปรียบเทียบราคา การให้ข้อมูลคุณสมบัติของสินค้า เพื่อให้ลูกค้าเห็นความแตกต่างและตัดสินใจเลือกซื้อง่ายมากขึ้น คอนเทนต์ประเภทนี้จึงมักเอามาใช้เพื่อส่งเสริมการขาย เน้นที่การสร้างลูกค้า
Content Marketing ที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร
แล้วต้องทำอย่างไร ถึงจะสามารถเรียกได้ว่าเป็น Content Marketing ที่ดี?
- เจาะจงกลุ่มเป้าหมายชัดเจน
ก่อนจะเริ่มทำคอนเทนต์ ควรตั้งกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนก่อน เพื่อให้สามารถสร้างคอนเทนต์ออกมาเหมาะสมและตรงตามความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มโอกาสความสำเร็จของ Content Marketing
- มีข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน
แน่นอนว่าคอนเทนต์ที่ดี ต้องมีข้อมูลที่เป็นความจริง ชัดเจน และครบถ้วน เพื่อให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง และยังเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น
- สื่อสารได้น่าติดตาม ดึงดูดใจผู้อ่าน
คอนเทนต์ที่ดีควรมีสื่อสารได้ตรงประเด็น เข้าใจง่าย และน่าติดตาม ทำให้ผู้อ่านรู้สึกสนใจและอยากจะรู้เรื่องคอนเทนต์ของเรามากขึ้น
- ช่วยแก้ปัญหาหรือตอบคำถามให้ลูกค้าได้
นอกจากความน่าสนใจของเนื้อหาแล้ว คอนเทนต์ที่ดีควรสามารถตอบปัญหาหรือข้อสงสัยที่ผู้อ่านอยากทราบได้ โดยเฉพาะคอนเทนต์ที่ให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์
7 ขั้นตอนเริ่มทำ Content Marketing อย่างไรให้ดี
1. ตั้งเป้าหมาย
ก่อนเริ่มทำ Content Marketing ควรมีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งก็คือการตั้งเป้าหมายตลาด และผลักดันคอนเทนต์ของคุณให้ไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ โดยที่เป้าหมายจะต้องให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อธุรกิจ ไม่เช่นนั้นก็ถือเป็นการเสียทุนและแรงไปอย่างเสียเปล่า เป้าหมายของการทำ Content Marketing ที่ดีควรอยู่ในหลัก SMART โดยจะมีลักษณะดังนี้
- Specific – เจาะจงเป้าหมาย เช่น ต้องการสร้าง Awareness หรือ Conversion
- Measurable – สามารถวัดผลได้ เช่น จำนวนกดไลค์ 300 ครั้งจากโพสต์
- Attainable – เป็นไปได้จริง เช่น ยอดผู้ติดตามถึง 1,000,000 คน
- Relevant – จะต้องมีความเกี่ยวข้องหรือเป็นไปในทางเดียวกับเป้าหมายทางธุรกิจ
- Time-bound – มีระยะเวลากำกับ เช่น มี Follower สะสม 10,000 คน ภายใน 3 เดือน เป็นต้น
โดยการวัดว่าคอนเทนต์ของเรานั้น เป็นไปตามหลัก SMART ที่เราตั้งเป้าหมายเอาไว้หรือไม่ สามารถทำได้จากการใช้ตัวชี้วัดค่าต่างๆ เช่น ยอดคนเยี่ยมชมเว็บไซต์ จำนวนผู้ติดตาม การมีปฎิสัมพันธ์ทางโซเชี่ยล เช่น ไลค์ แชร์ คอมเมนท์ อันดับบนหน้าเสิร์ช และอื่นๆ อีกมากมาย
2.Landscape Research
ต่อมา เป็นหัวข้อที่ต้องทำควบคู่ไปกับการตั้งเป้าหมาย เพราะเป้าหมายของแบรนด์และลูกค้านั้น จะต้องเป็นไปในทางเดียวกัน โดยขั้นตอนในการทำ Landscape Research นั้น มีอยู่ 3 เรื่องสำคัญด้วยกัน
- เราคือใคร
แบรนด์ต้องมีความเข้าใจในตัวเองให้ดีว่าแบรนด์กำลังขายอะไร สินค้าแบบไหน มีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร แบรนด์ของคุณมีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นอย่างไร ซึ่ง Framework ยอดนิยมที่สามารถใช้ทำความเข้าใจและกำหนดทิศทางธุรกิจก็คือ SWOT
- ใครคือลูกค้าของเรา
แบรนด์ต้องเข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายไหนที่เป็นลูกค้า เพื่อจะได้เข้าใจว่าสินค้าแบบไหนเหมาะกับคนกลุ่มไหน เมื่อแบรนด์มีความเข้าใจก็จะสามารถวาง Content Strategy ได้อย่างเหมาะสมว่าควรสื่อสาร หรือใช้ช่องทางได้ที่จะสามารถเข้าถึงเป้าหมายได้ดีที่สุด ซึ่ง Persona เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือยอดฮิตที่ใช้ในการรีวิวและเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของเรา
- ใครคือคู่แข่ง
แบรนด์หรือองค์กรอื่นที่เป็นทางเลือกอีกทางของลูกค้า ถือเป็นคู่แข่งของเรา ซึ่งแบรนด์ควรศึกษากลยุทธ์ของพวกเขาเอาไว้เพื่อนำมาพัฒนากลยุทธ์ของตัวเอง วิธีง่ายๆสำหรับการหาคู่แข่ง เช่น ลองสัมภาษณ์จากกลุ่ม Persona ของเราว่าตอนนี้พวกเขากำลังติดตามอะไรอยู่ มีเทรนด์อะไรบ้าง เสพคอนเทนต์แนวนี้จากที่ไหน
3.Brand Voice
ท่าทีหรือน้ำเสียงของแบรนด์ที่ ใช้ในการสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งครอบคลุมไปถึงองค์ประกอบอื่นๆ เช่นคำและภาษาที่ใช้ ไปจนถึงบุคลิกภาพของแบรนด์และรูปภาพที่ใช้ในงานด้านการตลาด เช่น สีที่ใช้ โลโก้ เป็นต้น
ซึ่งน้ำเสียงที่แบรนด์ใช้ ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าจะมีลักษณะแบบไหน จริงจังหรือสนุกสนาน เด็กหรือผู้ใหญ่ เพื่อให้เกิด Branding ที่แข็งแรงผ่านการใช้น้ำเสียงที่สม่ำเสมอ ทำให้ผู้อ่านเกิดความคุ้นเคยและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ น้ำเสียงที่สื่อถึงบุคลิกภาพของแบรนด์นั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่จะสามารถปรับเปลี่ยนโทนได้ ขึ้นอยู่กับบริบทของข้อความที่ต้องการจะสื่อสาร
4.Buyer Persona & Buyer Journey
อีกเรื่องที่คุณควรมีความเข้าใจ คือ ระยะหรือขั้นตอนการตัดสินใจของลูกค้า เพื่อให้สามารถสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของเขาได้พอดี โดยส่วนมากแล้วจะใช้ Sales Funnel เข้ามาประกอบกับคอนเทนต์ เพื่อให้สามารถเข้าใจลูกค้ามากขึ้น เพราะ Buyer Journey และ Sales Funnel นั้น คือมุมมองตรงข้ามกัน ซึ่งเมื่อเราเข้าใจมุมมองของลูกค้า ว่าต้องการอะไร เราก็แค่ตั้งเป้าหมายและสร้างคอนเทนต์ที่สามารถตอบโจทย์ระยะการตัดสินใจและความต้องการเขา ซึ่งในแต่ละช่วงตัดสินใจก็จะมี แตกต่างกัน
- Awareness เป็นระยะที่ยังไม่รับรู้ ไม่ได้สนใจในสินค้า ควรทำคอนเทนต์ดึงดูดใจให้พวกเขารู้สึกสนใจ อยากจับจองเป็นเจ้าของ
- Consideration เป็นระยะพิจารณาเลือกซื้อสินค้า ควรทำคอนเทนต์ประกอบการตัดสินใจเพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น เช่น ข้อมูลสินค้า เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย ทดลองใช้ฟรี
- Decision เป็นระยะที่ลูกค้าตกลงเลือกซื้อสินค้าแน่นอนแล้ว ซึ่งในส่วนนี้ควรคอนเทนต์ช่วยซื้อ เช่น วิธีการซื้อ ช่องทางชำระเงิน เป็นต้น
5.Content Strategy
การทำคอนเทนต์นั้นจำเป็นจะต้องมีกลยุทธ์วางแผน เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราจะทำคอนเทนต์อะไร รูปแบบไหน เพื่อให้ตอบโจทย์กับเป้าหมายทางการตลาดและธุรกิจ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมี Content Strategy ที่แตกต่างกันออกไปตามเป้าหมายที่พวกเขาวางไว้
โดยในขั้นตอนการวางแผน Content Strategy ก็จะเอาข้อมูลจากการทำ Landscape Research, Buyer Persona & Buyer Journey รวมถึงจุดประสงค์ของคอนเทนต์ทั้ง 4 อย่าง แล้วนำมาวิเคราะห์ เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
6.Content Creation
ในส่วนของขั้นตอนการผลิต เราก็นำแผน Content Strategy ที่วางเอาไว้ ได้แก่ รูปแบบคอนเทนต์ จำนวนที่จะทำ น้ำเสียงของแบรนด์ แล้วมาวางแผนการผลิตคอนเทนต์ ซึ่งการวางแผนทำคอนเทนต์นั้นง่ายกว่าที่คุณคิดมาก เพียงแค่ต้องมีรายละเอียด ตามนี้
- หัวข้อคอนเทนต์ที่จะทำ
- รายละเอียดงาน จะทำรูปแบบไหน
- วันที่งานต้องเสร็จ (Due Date)
- วันเผยแพร่ผลงาน (Publish Date)
- ผู้รับผิดชอบ เช่น Author, Designer, Video Creator
- แคมเปญและจุดประสงค์ของผลงาน
- ช่องทางที่เผยแพร่ เช่น เว็บไซต์, อีเมล, Social Media, YouTube
สำหรับการวางแผนทำคอนเทนต์ คุณสามารถใช้เครื่องมือเป็น Excel หรือ Google Sheet ในการวางแผนก็ได้ เพราะสะดวก ใช้งานง่าย และสามารถเข้าถึงได้ทุกคน
7.Content Promotion
ขั้นตอนสุดท้ายจะเป็นในส่วนของการเผยแพร่ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นส่วนหลังการผลิต แต่ก็ควรที่จะวางแผนเอาไว้ตั้งแต่เริ่มการผลิต เพราะช่องทางหรือแม้แต่ช่วงเวลาเผยแพร่คอนเทนต์ต่างก็มีผลต่อความสำเร็จของคอนเทนต์ ถึงจะปล่อยคอนเทนต์ในช่องทางหรือช่วงเวลาเดียวกันแต่ก็อาจจะได้รับผลตอบรับที่แตกต่างกัน
ซึ่งการจะเลือกช่องทางการเผยแพร่คอนเทนต์ให้เหมาะสมนั้น จึงต้องคำนึงถึง กลุ่มเป้าหมาย ของเราว่า พวกเขาชอบคอนเทนต์แบบไหน ใช้งานผ่านช่องทางใด แล้วเราจึงปล่อยคอนเทนต์ไปตามที่ลูกค้าใช้งาน
ตัวอย่าง Content Marketing สุดปัง จากแบรนด์ระดับโลก
ทีนี้ เราลองมาดูตัวอย่างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ จากแบรนด์ดังระดับโลกกัน
Hubspot เป็นตัวอย่างของ Content Marketing ที่ทำได้ดีมาเสมอ โดยคอนเทนต์ของ Hubspot จะเป็นประเภทบทความให้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นที่ผู้อ่านสนใจ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องอธิบาย หรือใช้เวลาตัดสินใจระยะหนึ่ง เช่น สินค้าราคาสูง หรือ การศึกษา เป็นต้น โดย Hubspot จะเน้นให้ความรู้ในเรื่องการทำการตลาดแบบดิจิตัล เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย แบบ Inbound Marketing ที่ถือว่าเป็นหัวใจหลักของ Hubspot เลยก็ว่าได้
Content Marketing ของ Hubspot จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก คือ การทำ Content ลงในบล็อกของแบรนด์ HubSpot เพื่อให้ความรู้ต่อธุรกิจขนาดเล็ก เกี่ยวกับการทำ Inbound Marketing รวมถึงเนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการทำการตลาด เพื่อดึงดูดผู้ทีสนใจให้เข้ามาเรียนรู้จาก Hubspot โดยตรง
และส่วนต่อมา คือ การสอน Marketing ในเชิงลึก ที่มีการรวบรวม eBook, Case Studies รวมไปถึงคำถามต่างๆ เอาไว้ให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย และเป็นความรู้ที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจ เพื่อจูงใจให้ผู้ที่สนใจอยากเข้ามาเรียนคอร์สต่างๆนี้และใช้บริการของ HubSpot
แนะนำเครื่องมือสำหรับทำ Content Marketing
- Google Analytics & Google Tag Manager
Google Analytics และ Google Tag Manger เป็นเครื่องมือใช้งานฟรีจาก Google มีหน้าที่เก็บข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ เพื่อวัดผลข้อมูลค่า Metrics ต่าง ๆ บนเว็บไซต์ โดยเฉพาะคอนเทนต์ประเภทบทความ เช่น Page Views, Conversion, Average Time Spend และนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ว่าควรปรับปรุง Content Marketing ในส่วนไหนถึงจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลได้แบบ Real Time ผ่านระบบหลังบ้านของ Google Tag Manger
- WordPress
โปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้สร้างและจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ประเภท Contents Management System (CMS) ที่มีความนิยมมากที่สุด โดย WordPress จะมีระบบหลังบ้าน หรือ Dashboard ที่สามารถใช้จัดการข้อมูลได้ทันทีผ่านหน้าเว็บไซต์ ข้อดีคือ ช่วยให้ทำ SEO ได้ง่า เพราะมีโครงสร้างที่รองรับ มี Plugins ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บ และประหยัดเวลา เนื่องจากผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดเอง แต่สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ผ่าน Page Builder เลย
- Yoast
Yoast เป็น ปลั๊กอินเสริมของ WordPress ที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปรับแต่งองค์ประกอบที่สำคัญของ SEO โดยมีฟีเจอร์เด่นๆคือ SEO Analysis เพื่อช่วยแนะนำการเขียน SEO เช่น ความหนาแน่นของ Keyword, การใส่ Alt Image, การใส่ Outbound Links และ Internal Links และยังช่วยแนะนำการปรับแต่งโครงสร้างของเว็บไซต์ให้ถูกต้องตามหลัก SEO
- Canva
เว็บไซต์ออกแบบกราฟิกที่หลายๆคนน่าจะรู้จัก โดยสามารถสร้างรูปภาพเพื่อลง Social Media, Presentation และ Poster หรือแม้แต่ ภาพเคลื่อนไหว ผ่านหน้าเว็บไซต์ได้ทันที โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานด้านกราฟิค เพราะมีเทมเพลตมาให้ถึง 6000 แบบ ซึ่ง Canva นั้นมีทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้เพิ่มเติม
- Ahrefs
Ahrefs เป็นเครื่องมือสำหรับใช้วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการทำ SEO เบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็น Keyword Analysis, Backlink Analysis, Competitor Analysis และยังมี Performance Report เพื่อรายงานผลการทำงาน
สรุปเนื้อหาเกี่ยวกับ Content Marketing
การทำ Content Marketing คือ การสื่อสารจากแบรนด์ถึงลูกค้าผ่านคอนเทนต์ที่สร้างขึ้นมาตามเป้าหมาย เพื่อให้ความรู้ หรือเพื่อให้ความสนุกสนาน ตามสไตล์หรือน้ำเสียงที่แบรนด์ได้กำหนดไว้ โดยเนื้อหาก็ต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าด้วย และหากท่านใดสนใจ Rocket มีบริการรับทำการตลาดออนไลน์ และรับยิงแอด ที่จะช่วยให้การทำการตลาดออนไลน์ของคุณนั้นง่ายมากยิ่งขึ้น!
เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Content Marketing
- Touch Point – ช่องทางที่ลูกค้าสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์หรือธุรกิจของคุณ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงก่อนการค้นหา พบเจอแล้ว อยู่ในระหว่างตัดสินใจ ตัดสินใจซื้อ และหลังจากซื้อสินค้าหรือบริการของแบรนด์คุณแล้ว
- Persona – วิธีการสร้างบุคลิกลักษณะของกลุ่มเป้าหมายเพื่อเป็นตัวแทนของลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ ที่ได้จากข้อมูลการวิจัยการตลาดและการเก็บข้อมูล
- Customer Segmentation – การแบ่งประเภทตามลูกค้า เพื่อให้ทราบว่าลูกค้าคือใครและเข้าใจความต้องการของพวกเขามากขึ้น เช่น อายุ เพศ หรือ Lifestyle เป็นต้น ซึ่งส่วนนี้จะทำให้แบรนด์สามารถวัดผลลัพธ์ได้ละเอียด และนำมาพัฒนาแบรนด์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าตามประเภทได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

Rocket Loyalty CRM
เพิ่มยอดขายและลูกค้าประจำด้วย Rocket Loyalty CRM บริหารและแบ่งระดับสมาชิก สร้างของรางวัล คูปองและกระตุ้นยอดขาย ประทับใจลูกค้าไม่แพ้บริษัทยักษ์ใหญ่