14 มีนาคม, 2023
เมื่อโลกเปลี่ยนไปสู่ยุคดิจิตัล หัวใจสำคัญของการตลาดในปัจจุบัน คือ คอนเทนต์ เพราะคอนเทนต์คือสาร ที่แบรนด์ใช้เพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งในปัจจุบันก็มีรูปแบบที่แตกต่างกันไป และการจะทำคอนเทนต์ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น คุณต้องเข้าใจการทำ Content Marketing ให้ดี เพื่อให้คุณสามารถทำคอนเทนต์ได้มีประสิทธิภาพ และในบทความนี้ เราจะมาอธิบายว่า Content Marketing คืออะไร และทำอย่างไรได้บ้าง
Content Marketing คือ กลยุทธ์ทางการตลาดผ่านการสร้างเนื้อหา และแบ่งปันข้อมูลที่ให้ความรู้ เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้อ่าน ทำให้พวกเขาประทับใจ และเปลี่ยนให้ผู้อ่านเหล่านั้นกลายมาเป็นลูกค้าในที่สุด โดยที่เนื้อหาจะต้องไม่ยัดเยียดการขายของหรือโน้มน้าวใจมากเกินไป
แต่รวมไปด้วยการขายสินค้าผสานกับความสนุกสนาน ซึ่งการทำ Content Online Marketing นั้นจำเป็นมาก โดยเฉพาะกับธุรกิจแบบ Digital marketing เพราะต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบนโลกออนไลน์เพื่อขายสินค้าแบบดิจัตัล
ทีนี้คุณน่าจะพอเข้าใจแล้วว่า Content Marketing นั้นคืออะไร แต่อาจจะยังไม่ทราบว่ามีกี่รูปแบบ โดยรูปแบบของ Content Marketing หลักๆแล้ว จะมีทั้งหมด 7 รูปแบบด้วยกัน ดังนี้
คอนเท้นต์ที่กลุ่มเป้าหมายหลายๆคนน่าจะถูกใจกันเป็นพิเศษ นั่นคือคอนเทนต์โปรโมชั่นกระตุ้นส่งเสริมการขายสินค้า ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมแจกสินค้า แจกส่วนลด หรือโปร 1 แถม 1 โดยมีการตั้งกฎกติกาต่างๆ เช่น กดแชร์ หรือคอมเมนต์ เพื่อจะได้รับสิทธิพิเศษนี้ ทำให้คุณได้ทั้งยอด Engagement ยอดขายที่เพิ่มขึ้น และเปลี่ยนเป้าหมายให้กลายเป็นลูกค้าของคุณ
คอนเทนต์ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือคอนเท้นต์ที่ช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้กับกลุ่มเป้าหมาย เช่น เทคนิคการทำธุรกิจออนไลน์ให้ปัง หรือ วิธีใช้งานระบบ POS ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเป็นเนื้อหาที่สามารถเชื่อมโยงกับธุรกิจของคุณด้วย เพื่อให้พวกเขาได้ทั้งข้อมูลที่มีประโยชน์ และยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับแบรนด์ของคุณเพิ่มเติมอีกด้วย
การถ่ายทอดเนื้อหาผ่านวิดิโอภาพเคลื่อนไหว เป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์ยอดนิยม เพราะสามารถเสนอสิ่งที่คุณต้องการให้กลุ่มเป้าหมายเห็นได้อย่างชัดเจน และสามารถเข้าถึงอารมณ์ร่วมได้ง่ายมากที่สุด ความยากของคอนเทนต์ประเภทนี้คือต้องทำออกมาได้สนุก น่าติดตาม เพื่อให้พวกเขารู้สึกอยากดูจนจบวิดิโอ
การใช้คอนเทนต์เกาะกระแสที่กำลังเป็นที่นิยม จะช่วยให้แบรนด์ของเราดูทันสมัย ทันเหตุการณ์ และสามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายได้ โดยแต่ละแบรนด์ก็จะต้องสร้างสรรค์เนื้อหาให้ออกมาน่าสนใจ สนุกสนาน และสัมพันธ์กับเทรนด์ฮิตในช่วงเวลานั้น เป็นคอนเทนต์ที่สามารถเรียกยอด Engagement ได้ดีที่สุด เพราะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย
การถ่ายทอดด้วยรูปภาพ หรือ Artwork แบบหลายๆรูปติดต่อกัน ลงเป็นอัลบั้ม เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ หรือเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมาย เพื่อดึงดูดความสนใจและเรียกยอด Engagement จากกลุ่มเป้าหมายได้ดี
คอนเท้นต์ถาม-ตอบข้อสงสัยหรือปัญหาต่างๆจากกลุ่มเป้าหมายที่มีต่อสินค้าจากแบรนด์ของคุณ จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพวกเขา เพราะได้ติดต่อกับแบรนด์โดยตรง แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจจากทางแบรนด์ และยังช่วยให้พวกเขาไม่ต้องไปเสียเวลาหาคำตอบด้วยตนเอง
หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นกันอยู่บ้าง กับโพสท์ที่ใช้ประโยคหรือคำพูดจากบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือจากแบรนด์ พร้อมมีหน้าของคนที่กล่าวประกอบไว้อยู่ด้วย ซึ่งคอนเทนต์ประเภทนี้ จะช่วยกระตุ้น Engagement ได้ดี เพราะดึงความสนใจจากผู้คนได้ง่าย เนื้อหาไม่จำเป็นต้องมีเยอะ
Content Marketing มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ถือเป็นตัวเชื่อมโยงกลยุทธ์การทำการตลาดเกือบทั้งหมด เพราะในโลกที่เต็มไปด้วยธุรกิจแบบ Digital Marketing หรือ Social Media Marketing นั้น ทำให้คอนเทนต์เป็นตัวกลางที่จะสามารถสื่อสารไปสู่กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าได้ดีที่สุด เพราะทุกคนต่างก็เลือกสนใจคอนเทนต์ที่ตัวเองประทับใจ และต่อยอดไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้า
ซึ่งการทำ Content Marketing นั้นก็สามารถทำได้หลากหลายแบบ ตามเป้าหมายที่แบรนด์ต้องการ เช่น การทำ SEO, การยิงแอด Facebook, Social Media Post, การทำ Marketing Automation ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนจำเป็นที่จะต้องใช้ Content Marketing เป็นตัวกลางที่ขับเคลื่อนให้เนื้อหานั้นสามารถไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้
เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการทำ Content Marketing ที่สามารถโฆษณาแบรนด์ทางอ้อมได้อย่างแนบเนียน โดยจะให้ข้อมูลที่เป็นความจริง เน้นที่การให้ข้อมูล และสามารถตอบหรือช่วยแก้ปัญหาที่ผู้อ่านต้องการทราบได้ ซึ่งส่วนมากจะนิยมใช้เป็นรูปแบบของบทความต่างๆ เช่น วิธีการ เทคนิค หรือเป็น Infographic ให้ความรู้
คอนเทนต์ประเภทนี้ จะเน้นที่การสร้างหรือกระตุ้นอารมณ์ของผู้อ่าน ซึ่งจะเน้นความสนุกสนาน บันเทิงใจ ดึงดูดให้ผู้อ่านรู้สึกอยากติดตามเนื้อหาต่อไปเรื่อยๆจนจบ เป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์ที่ช่วยสร้าง Awareness และยอด Engangement ให้กับแบรนด์ได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเนื้อหาที่สามารถตอบสนองความบันเทิงให้กับกลุ่มเป้าหมาย ก็จะยิ่งทำให้แบรนด์ได้กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
Content Marketing แบบสร้างแรงบันดาลใจ คืออะไร? ลองนึกถึงคอนเทนต์ต่างๆในปัจจุบันที่มักมีการใช้ Influencer หรือผู้ที่มีชื่อเสียงในวงการเข้ามาเป็นตัวหลัก เพื่อกระตุ้นให้ผู้อ่านตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการของแบรนด์นั้นได้ไวขึ้น เพราะการใช้ผู้ที่มีชื่อเสียงมาเป็นจุดนำเสนอ จะทำให้ลูกค้าสนใจมากขึ้น เพราะติดตามมาจากผู้ทีมีชื่อเสียงนั่นเอง คอนเทนต์ประเภทนี้จะเน้นที่การสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้น
คอนเทนต์เพื่อโน้มน้าวใจ จะไม่เน้นการให้ความบันเทิงทางอารมณ์ แต่จะเน้นไปที่การให้เหตุผลเป็นหลัก เพื่อนำมาโน้มน้าวใจลูกค้าหรือใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เช่น การเปรียบเทียบราคา การให้ข้อมูลคุณสมบัติของสินค้า เพื่อให้ลูกค้าเห็นความแตกต่างและตัดสินใจเลือกซื้อง่ายมากขึ้น คอนเทนต์ประเภทนี้จึงมักเอามาใช้เพื่อส่งเสริมการขาย เน้นที่การสร้างลูกค้า
แล้วต้องทำอย่างไร ถึงจะสามารถเรียกได้ว่าเป็น Content Marketing ที่ดี?
ก่อนจะเริ่มทำคอนเทนต์ ควรตั้งกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนก่อน เพื่อให้สามารถสร้างคอนเทนต์ออกมาเหมาะสมและตรงตามความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มโอกาสความสำเร็จของ Content Marketing
แน่นอนว่าคอนเทนต์ที่ดี ต้องมีข้อมูลที่เป็นความจริง ชัดเจน และครบถ้วน เพื่อให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง และยังเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น
คอนเทนต์ที่ดีควรมีสื่อสารได้ตรงประเด็น เข้าใจง่าย และน่าติดตาม ทำให้ผู้อ่านรู้สึกสนใจและอยากจะรู้เรื่องคอนเทนต์ของเรามากขึ้น
นอกจากความน่าสนใจของเนื้อหาแล้ว คอนเทนต์ที่ดีควรสามารถตอบปัญหาหรือข้อสงสัยที่ผู้อ่านอยากทราบได้ โดยเฉพาะคอนเทนต์ที่ให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์
ก่อนเริ่มทำ Content Marketing ควรมีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งก็คือการตั้งเป้าหมายตลาด และผลักดันคอนเทนต์ของคุณให้ไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ โดยที่เป้าหมายจะต้องให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อธุรกิจ ไม่เช่นนั้นก็ถือเป็นการเสียทุนและแรงไปอย่างเสียเปล่า เป้าหมายของการทำ Content Marketing ที่ดีควรอยู่ในหลัก SMART โดยจะมีลักษณะดังนี้
โดยการวัดว่าคอนเทนต์ของเรานั้น เป็นไปตามหลัก SMART ที่เราตั้งเป้าหมายเอาไว้หรือไม่ สามารถทำได้จากการใช้ตัวชี้วัดค่าต่างๆ เช่น ยอดคนเยี่ยมชมเว็บไซต์ จำนวนผู้ติดตาม การมีปฎิสัมพันธ์ทางโซเชี่ยล เช่น ไลค์ แชร์ คอมเมนท์ อันดับบนหน้าเสิร์ช และอื่นๆ อีกมากมาย
ต่อมา เป็นหัวข้อที่ต้องทำควบคู่ไปกับการตั้งเป้าหมาย เพราะเป้าหมายของแบรนด์และลูกค้านั้น จะต้องเป็นไปในทางเดียวกัน โดยขั้นตอนในการทำ Landscape Research นั้น มีอยู่ 3 เรื่องสำคัญด้วยกัน
แบรนด์ต้องมีความเข้าใจในตัวเองให้ดีว่าแบรนด์กำลังขายอะไร สินค้าแบบไหน มีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร แบรนด์ของคุณมีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นอย่างไร ซึ่ง Framework ยอดนิยมที่สามารถใช้ทำความเข้าใจและกำหนดทิศทางธุรกิจก็คือ SWOT
แบรนด์ต้องเข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายไหนที่เป็นลูกค้า เพื่อจะได้เข้าใจว่าสินค้าแบบไหนเหมาะกับคนกลุ่มไหน เมื่อแบรนด์มีความเข้าใจก็จะสามารถวาง Content Strategy ได้อย่างเหมาะสมว่าควรสื่อสาร หรือใช้ช่องทางได้ที่จะสามารถเข้าถึงเป้าหมายได้ดีที่สุด ซึ่ง Persona เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือยอดฮิตที่ใช้ในการรีวิวและเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของเรา
แบรนด์หรือองค์กรอื่นที่เป็นทางเลือกอีกทางของลูกค้า ถือเป็นคู่แข่งของเรา ซึ่งแบรนด์ควรศึกษากลยุทธ์ของพวกเขาเอาไว้เพื่อนำมาพัฒนากลยุทธ์ของตัวเอง วิธีง่ายๆสำหรับการหาคู่แข่ง เช่น ลองสัมภาษณ์จากกลุ่ม Persona ของเราว่าตอนนี้พวกเขากำลังติดตามอะไรอยู่ มีเทรนด์อะไรบ้าง เสพคอนเทนต์แนวนี้จากที่ไหน
ท่าทีหรือน้ำเสียงของแบรนด์ที่ ใช้ในการสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งครอบคลุมไปถึงองค์ประกอบอื่นๆ เช่นคำและภาษาที่ใช้ ไปจนถึงบุคลิกภาพของแบรนด์และรูปภาพที่ใช้ในงานด้านการตลาด เช่น สีที่ใช้ โลโก้ เป็นต้น
ซึ่งน้ำเสียงที่แบรนด์ใช้ ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าจะมีลักษณะแบบไหน จริงจังหรือสนุกสนาน เด็กหรือผู้ใหญ่ เพื่อให้เกิด Branding ที่แข็งแรงผ่านการใช้น้ำเสียงที่สม่ำเสมอ ทำให้ผู้อ่านเกิดความคุ้นเคยและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ น้ำเสียงที่สื่อถึงบุคลิกภาพของแบรนด์นั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่จะสามารถปรับเปลี่ยนโทนได้ ขึ้นอยู่กับบริบทของข้อความที่ต้องการจะสื่อสาร
อีกเรื่องที่คุณควรมีความเข้าใจ คือ ระยะหรือขั้นตอนการตัดสินใจของลูกค้า เพื่อให้สามารถสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของเขาได้พอดี โดยส่วนมากแล้วจะใช้ Sales Funnel เข้ามาประกอบกับคอนเทนต์ เพื่อให้สามารถเข้าใจลูกค้ามากขึ้น เพราะ Buyer Journey และ Sales Funnel นั้น คือมุมมองตรงข้ามกัน ซึ่งเมื่อเราเข้าใจมุมมองของลูกค้า ว่าต้องการอะไร เราก็แค่ตั้งเป้าหมายและสร้างคอนเทนต์ที่สามารถตอบโจทย์ระยะการตัดสินใจและความต้องการเขา ซึ่งในแต่ละช่วงตัดสินใจก็จะมี แตกต่างกัน
การทำคอนเทนต์นั้นจำเป็นจะต้องมีกลยุทธ์วางแผน เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราจะทำคอนเทนต์อะไร รูปแบบไหน เพื่อให้ตอบโจทย์กับเป้าหมายทางการตลาดและธุรกิจ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมี Content Strategy ที่แตกต่างกันออกไปตามเป้าหมายที่พวกเขาวางไว้
โดยในขั้นตอนการวางแผน Content Strategy ก็จะเอาข้อมูลจากการทำ Landscape Research, Buyer Persona & Buyer Journey รวมถึงจุดประสงค์ของคอนเทนต์ทั้ง 4 อย่าง แล้วนำมาวิเคราะห์ เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
ในส่วนของขั้นตอนการผลิต เราก็นำแผน Content Strategy ที่วางเอาไว้ ได้แก่ รูปแบบคอนเทนต์ จำนวนที่จะทำ น้ำเสียงของแบรนด์ แล้วมาวางแผนการผลิตคอนเทนต์ ซึ่งการวางแผนทำคอนเทนต์นั้นง่ายกว่าที่คุณคิดมาก เพียงแค่ต้องมีรายละเอียด ตามนี้
สำหรับการวางแผนทำคอนเทนต์ คุณสามารถใช้เครื่องมือเป็น Excel หรือ Google Sheet ในการวางแผนก็ได้ เพราะสะดวก ใช้งานง่าย และสามารถเข้าถึงได้ทุกคน
ขั้นตอนสุดท้ายจะเป็นในส่วนของการเผยแพร่ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นส่วนหลังการผลิต แต่ก็ควรที่จะวางแผนเอาไว้ตั้งแต่เริ่มการผลิต เพราะช่องทางหรือแม้แต่ช่วงเวลาเผยแพร่คอนเทนต์ต่างก็มีผลต่อความสำเร็จของคอนเทนต์ ถึงจะปล่อยคอนเทนต์ในช่องทางหรือช่วงเวลาเดียวกันแต่ก็อาจจะได้รับผลตอบรับที่แตกต่างกัน
ซึ่งการจะเลือกช่องทางการเผยแพร่คอนเทนต์ให้เหมาะสมนั้น จึงต้องคำนึงถึง กลุ่มเป้าหมาย ของเราว่า พวกเขาชอบคอนเทนต์แบบไหน ใช้งานผ่านช่องทางใด แล้วเราจึงปล่อยคอนเทนต์ไปตามที่ลูกค้าใช้งาน
ทีนี้ เราลองมาดูตัวอย่างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ จากแบรนด์ดังระดับโลกกัน
Hubspot เป็นตัวอย่างของ Content Marketing ที่ทำได้ดีมาเสมอ โดยคอนเทนต์ของ Hubspot จะเป็นประเภทบทความให้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นที่ผู้อ่านสนใจ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องอธิบาย หรือใช้เวลาตัดสินใจระยะหนึ่ง เช่น สินค้าราคาสูง หรือ การศึกษา เป็นต้น โดย Hubspot จะเน้นให้ความรู้ในเรื่องการทำการตลาดแบบดิจิตัล เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย แบบ Inbound Marketing ที่ถือว่าเป็นหัวใจหลักของ Hubspot เลยก็ว่าได้
Content Marketing ของ Hubspot จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก คือ การทำ Content ลงในบล็อกของแบรนด์ HubSpot เพื่อให้ความรู้ต่อธุรกิจขนาดเล็ก เกี่ยวกับการทำ Inbound Marketing รวมถึงเนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการทำการตลาด เพื่อดึงดูดผู้ทีสนใจให้เข้ามาเรียนรู้จาก Hubspot โดยตรง
และส่วนต่อมา คือ การสอน Marketing ในเชิงลึก ที่มีการรวบรวม eBook, Case Studies รวมไปถึงคำถามต่างๆ เอาไว้ให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย และเป็นความรู้ที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจ เพื่อจูงใจให้ผู้ที่สนใจอยากเข้ามาเรียนคอร์สต่างๆนี้และใช้บริการของ HubSpot
Google Analytics และ Google Tag Manger เป็นเครื่องมือใช้งานฟรีจาก Google มีหน้าที่เก็บข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ เพื่อวัดผลข้อมูลค่า Metrics ต่าง ๆ บนเว็บไซต์ โดยเฉพาะคอนเทนต์ประเภทบทความ เช่น Page Views, Conversion, Average Time Spend และนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ว่าควรปรับปรุง Content Marketing ในส่วนไหนถึงจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลได้แบบ Real Time ผ่านระบบหลังบ้านของ Google Tag Manger
โปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้สร้างและจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ประเภท Contents Management System (CMS) ที่มีความนิยมมากที่สุด โดย WordPress จะมีระบบหลังบ้าน หรือ Dashboard ที่สามารถใช้จัดการข้อมูลได้ทันทีผ่านหน้าเว็บไซต์ ข้อดีคือ ช่วยให้ทำ SEO ได้ง่า เพราะมีโครงสร้างที่รองรับ มี Plugins ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บ และประหยัดเวลา เนื่องจากผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดเอง แต่สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ผ่าน Page Builder เลย
Yoast เป็น ปลั๊กอินเสริมของ WordPress ที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปรับแต่งองค์ประกอบที่สำคัญของ SEO โดยมีฟีเจอร์เด่นๆคือ SEO Analysis เพื่อช่วยแนะนำการเขียน SEO เช่น ความหนาแน่นของ Keyword, การใส่ Alt Image, การใส่ Outbound Links และ Internal Links และยังช่วยแนะนำการปรับแต่งโครงสร้างของเว็บไซต์ให้ถูกต้องตามหลัก SEO
เว็บไซต์ออกแบบกราฟิกที่หลายๆคนน่าจะรู้จัก โดยสามารถสร้างรูปภาพเพื่อลง Social Media, Presentation และ Poster หรือแม้แต่ ภาพเคลื่อนไหว ผ่านหน้าเว็บไซต์ได้ทันที โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานด้านกราฟิค เพราะมีเทมเพลตมาให้ถึง 6000 แบบ ซึ่ง Canva นั้นมีทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้เพิ่มเติม
Ahrefs เป็นเครื่องมือสำหรับใช้วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการทำ SEO เบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็น Keyword Analysis, Backlink Analysis, Competitor Analysis และยังมี Performance Report เพื่อรายงานผลการทำงาน
การทำ Content Marketing คือ การสื่อสารจากแบรนด์ถึงลูกค้าผ่านคอนเทนต์ที่สร้างขึ้นมาตามเป้าหมาย เพื่อให้ความรู้ หรือเพื่อให้ความสนุกสนาน ตามสไตล์หรือน้ำเสียงที่แบรนด์ได้กำหนดไว้ โดยเนื้อหาก็ต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าด้วย และหากท่านใดสนใจ Rocket มีบริการรับทำการตลาดออนไลน์ และรับยิงแอด ที่จะช่วยให้การทำการตลาดออนไลน์ของคุณนั้นง่ายมากยิ่งขึ้น!
Contact us now