2 เมษายน, 2024
ปัจจุบันการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยการวางแผนกลยุทธ์หลากหลายวิธี ที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า หรือบริการมากขึ้น และหนึ่งในกลยุทธ์ที่ธุรกิจส่วนใหญ่นิยมเลือกใช้ ก็คือ แผนการตลาดในรูปแบบ Paid Marketing ไม่ว่าจะเป็น การยิงแอดโฆษณาตามช่องทางสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ หรือการจ้าง Influencer เข้ามาช่วยส่งเสริมการขาย ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ล้วนเป็นต้นทุนทางธุรกิจ หรือที่นักการตลาดเรียกว่า Customer Acquisition Cost (CAC) ทั้งสิ้น ดังนั้นหากต้องการให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ มีลูกค้าเข้ามาเลือกซื้อสินค้า หรือบริการตามเป้าหมายที่ต้องการ โดยที่มีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม ไม่สูงมากจนเกินไป ก็ควรวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดให้มีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้สามารถดึงดูดลูกค้าเข้ามาได้ตามจำนวนที่ต้องการและเพิ่มผลกำไรในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง ในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักว่า CAC คืออะไร มีความสำคัญต่อธุรกิจในเรื่องไหนบ้าง และ Customer Acquisition Plan คือ การวางแผนในด้านไหน เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
CAC ย่อมาจาก Customer Acquisition Cost คือ ค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการเพิ่มจำนวนของผู้ซื้อ หรือ ค่าใช้จ่ายที่ธุรกิจต้องใช้เพื่อทำให้ผู้ซื้อเข้ามาใช้บริการ หรือซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเสนอขาย การโฆษณา การตลาด และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ โดยในทางปฏิบัติ CAC จะถูกคำนวณโดยการรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด แล้วหารด้วยจำนวนผู้ซื้อที่เข้ามาใช้บริการในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อหาค่าเฉลี่ยต่อผู้ซื้อแต่ละคน การคำนวณ CAC จะช่วยทำให้ธุรกิจสามารถปรับแก้แผนกลยุทธ์ทางการตลาด และใช้งานทรัพยากรต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มกำไรได้มากขึ้น
Customer Acquisition Cost (CAC) เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญสำหรับองค์กรและภาคธุรกิจ ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะมีขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ และไม่ว่าคุณจะมีธุรกิจประเภทใดก็ตาม การใช้ตัวชี้วัด CAC เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ และมีความสำคัญต่อองค์กร หรือธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้คุณได้ทราบถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายที่แท้จริง และสามารถปรับกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คุ้มค่าต่อธุรกิจมากที่สุด นอกจากนี้การใช้ตัวชี้วัด CAC ยังมีความสำคัญในด้านอื่นๆ ที่คุณไม่ควรมองข้าม ดังนี้
Customer Acquisition Cost (CAC) ช่วยให้องค์กรสามารถปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้มีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพได้มากที่สุด ทำให้เกิดการวางแผนงบประมาณได้อย่างสมดุล จะช่วยทำให้คุณปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาดให้มีประสิทธิภาพและสามารถสร้างกำไรได้ในระยะยาว
Customer Acquisition Cost (CAC) ช่วยให้ผู้บริหารมีความมั่นใจในการตัดสินใจลงทุนในกิจกรรมทางการตลาดและการโฆษณา อีกทั้งยังสามารถวางแผนกลยุทธ์และปรับแต่งแผนการขายให้มีความเหมาะสม เพื่อสร้างความพึงพอใจ และการกลับมาซื้อสินค้า หรือบริการซ้ำในอนาคต นอกจากนี้ยังช่วยทำให้องค์กรสามารถเพิ่ม ROI และกำไรในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ คือยังช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนทางการตลาดขององค์กรได้ดีมากขึ้นอีกด้วย
Customer Acquisition Cost (CAC) ช่วยทำให้องค์กรสามารถวางแผนและปรับแต่งการลงทุนโฆษณาอย่างเหมาะสม โดยการเลือกลงทุนในโฆษณาที่มี CAC ต่ำและได้ผลตอบแทนที่สูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งบประมาณ และการให้ได้มาซึ่งจำนวนลูกค้าใหม่ นอกจากนี้ยังช่วยทำให้องค์กรสามารถวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายในการดึงดูดลูกค้าและเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนโฆษณา ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นอีกด้วย
Customer Acquisition Cost (CAC) ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ธุรกิจต้องใช้ (Acquisition Cost) เพื่อทำให้ผู้ซื้อมาเข้าใช้บริการ หรือซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะมีองค์ประกอบในเรื่องต่างๆ ต่อไปนี้
• ค่าใช้จ่ายในการโฆษณา เช่น ค่าโฆษณาบนสื่อต่าง ๆ
• ค่าใช้จ่ายในการตลาดและโปรโมชัน เช่น ค่าจ้างพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการตลาด, ค่าจ้างโฆษณา, ค่าส่วนลดสำหรับลูกค้าใหม่, ค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมโปรโมชัน เป็นต้น
• ค่าใช้จ่ายในการสร้างและบำรุงเว็บไซต์หรือแอป เช่น ค่าพัฒนาและออกแบบเว็บไซต์, ค่าบำรุงรักษาและอัพเดตแอปพลิเคชัน
• ค่าใช้จ่ายในการจ้างบุคลากรหรือทีมงาน เช่น ค่าเงินเดือนของพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการขาย
• ค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมการขาย เช่น ค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนลูกค้า, ค่าใช้จ่ายในการดูแลลูกค้า
• ค่าใช้จ่ายในการวิจัยตลาด เช่น ค่าใช้จ่ายในการทำวิจัยเกี่ยวกับตลาดและกลุ่มเป้าหมาย
• ค่าใช้จ่ายในการทดลองและทดสอบ เช่น ค่าใช้จ่ายในการทดลองโฆษณา, ค่าใช้จ่ายในการทดสอบและปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด
เมื่อนำค่าใช้จ่ายต่างๆ เหล่านี้มารวมกัน จะช่วยให้องค์กรสามารถคำนวณค่าเฉลี่ยการซื้อของลูกค้าแต่ละคนได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่สำคัญในการวิเคราะห์ความสำเร็จของธุรกิจในด้านการตลาดเป็นอย่างดี
สูตรการคำนวณ Customer Acquisition Cost (CAC) จะถูกคำนวณแบบ CPA หรือ cost per acquisition คือ การรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตลาด และการดึงดูดลูกค้าในระยะเวลาที่กำหนด แล้วนำมาหารด้วยจำนวนลูกค้าที่ได้รับในระยะเวลานั้น เพื่อหาค่าเฉลี่ยในการซื้อสินค้า หรือบริการของลูกค้าแต่ละคน
สำหรับสูตรทั่วไปสำหรับการคำนวณ CAC คือ
CAC = (ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการดึงลูกค้าในเวลาที่กำหนด) / (จำนวนลูกค้าที่ได้มาในระยะเวลาที่กำหนด)
ตัวอย่าง:
ถ้าธุรกิจ A ใช้เงินในการโฆษณา 10,000 บาท และได้รับลูกค้าใหม่จำนวน 100 คน ในระยะเวลา 1 เดือน
CAC = (10,000 บาท) / (100 คน) = 100 บาท/คน
ดังนั้น CAC สำหรับธุรกิจ A ในกรณีนี้คือ 100 บาทต่อลูกค้า 1 คน
ทั้งนี้ควรระวังในเรื่องการคำนวณ CAC เพราะอาจมีการตีความ และการนับค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจ และอาจต้องปรับเปลี่ยนสูตร หรือแก้ไขตามสถานการณ์และความต้องการของธุรกิจในแต่ละครั้ง
การปรับปรุง Customer Acquisition Cost (CAC) เป็นกระบวนการสำคัญ ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งบประมาณและทรัพยากรในการดึงดูดลูกค้า ซึ่งมีรูปแบบการทำ Customer Acquisition strategy คือ การวางแผนกลยุทธ์ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้
การปรับปรุง CAC ด้วยการเพิ่ม Conversion Rate ในเรื่องต่างๆ เช่น การปรับปรุงเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย , การจัดแสดงสินค้าให้มีความน่าสนใจ , การจัดโปรโมชันส่วนลด หรือการสร้างเนื้อหาที่คุณค่าต่อผู้เข้ามาเยี่ยมชม เป็นต้น จะช่วยทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีในการเลือกซื้อสินค้า หรือบริการมากขึ้น
การปรับปรุง CAC ด้วยการสร้าง Customer Values จะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้าใหม่ และลด CAC ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทั้งนี้ควรให้ความสำคัญกับการศึกษา และเข้าใจความต้องการรวมไปถึงความพึงพอใจของลูกค้าให้ได้มากที่สุดด้วย
ปรับปรุง CAC ด้วยการใช้ CRM เข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับลูกค้าแต่ละราย และนำมาปรับปรุงกระบวนการการขายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการจัดเก็บข้อมูลลูกค้า การติดตามและประเมินผลจากกิจกรรมทางการตลาด การใช้ข้อมูลจาก CRM จะสามารถสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดและโปรโมชันที่เป็นประโยชน์สำหรับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเลือกใช้ CRM เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ทำให้สามารถวางแผนการโฆษณา และกำหนดแผนการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด และจัดทำโปรโมชันให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และมี Customer Lifetime Value (CLV) สูง โดยตรวจสอบผลตอบแทนจากการลงทุนและการดึงดูดลูกค้า (CAC) โดยพิจารณาร่วมกับ CLV จะช่วยเพิ่มความเข้าใจและปรับปรุงแผนได้ตรงกับต้องการ
ปรับปรุง CAC ด้วยการระบุ Persona โดยทำการศึกษาและวิเคราะห์ลูกค้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อทำความเข้าใจความต้องการ, ความสนใจ, และพฤติกรรม รวมไปถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลักษณะต่าง ๆ เช่น อายุ, เพศ, อาชีพ, ความสนใจ หรือ ปัจจัยทางสังคม และนำข้อมูลที่ได้รับจากการศึกษาและวิเคราะห์ มาสร้างแผนการการตลาดที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสำหรับกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้การปรับปรุงกลยุทธ์การโฆษณา เป็นไปตามความต้องการและความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปรับปรุง CAC ด้วยการจัดการข้อมูลลูกค้า โดยทำการบันทึกข้อมูลการติดต่อกับลูกค้า, ประวัติการซื้อ, และพฤติกรรมอื่น ๆ ของลูกค้า ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ จะช่วยทำให้การใช้ CRM สามารถสร้างกลยุทธ์การตลาดที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าและลด CAC ได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในทางการตลาดได้ในระยะยาว
กำหนดเป้าหมายที่ต้องการ Retarget โดยใช้ข้อมูลจากเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันที่แสดงให้เห็นว่าลูกค้ามีความสนใจในสินค้า หรือบริการ การติดตามเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการเรียกดูของลูกค้า จะช่วยทำให้การสร้างโฆษณาที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ การเลือกช่องทางการโฆษณาที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มเป้าหมาย การติดตามผลการ Retargeting และประเมินผลการโฆษณาโดยใช้ตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้อง เช่น อัตราการคลิก, อัตราการแปลง, และกำไรที่มาจากกลุ่มเป้าหมายที่ Retarget อย่างต่อเนื่อง จะทำให้ได้ผลลัพธ์จากการ Retargeting และปรับปรุงโครงการต่อไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลด CAC และเพิ่มผลตอบแทนในการลงทุนในการโฆษณา
Customer Acquisition Cost (CAC) เป็นตัวชี้วัดที่ใช้วัดค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ต้องใช้เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ให้กับธุรกิจ หรือองค์กร ซึ่งในการวัด CAC เป็นอีกหนึ่งกระบวนการที่สำคัญของการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพ และทำให้เกิดผลสำเร็จได้ในระยะยาว ทั้งนี้ในการวัดประสิทธิภาพของกลยุทธ์ทางการตลาด จะมีวิธีการปรับปรุงในด้านต่างๆ เข้ามาช่วยทำให้ทราบถึง CAC ที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณ โดยการรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดึงดูดลูกค้าใหม่ , การปรับปรุง CAC ที่ช่วยทำให้ลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดึงดูดลูกค้า หรือเพิ่มจำนวนลูกค้าในระยะเวลาที่กำหนด , การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยลด CAC , การ Retargeting ช่วยให้สามารถวางแผนโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจกับลูกค้าในระยะยาว หรือการติดตามและประเมินผลของกิจกรรมทางการตลาดที่เกิดขึ้น โดยการใช้ CAC เป็นตัวชี้วัดหลัก เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในอนาคต
ในการที่จะสามารถลดค่าใช้จ่ายที่มีต่อลูกค้า 1 คนได้ การทำ Digital Marketing นับว่าเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเดี๋ยวนี้มีการซื้อในช่องทางโซเชียลเป็นหลัก และเพื่อที่จะพิชิตชัยก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวางแผน Marketing Plan ด้วย ซึ่งทาง Rocket ก็มีบริการ รับทําการตลาดออนไลน์ อย่างครบถ้วน ที่จะสามารถลดต้นทุนและเพิ่มยอดขายได้ในเวลาเดียวกัน
Contact us now